คอนเสิร์ต 2024 | คอนเสิร์ต 2024 ในไทย | งานคอนเสิร์ต | Sanook Music
Singha Music presents Imagine Dragons Evolve World Tour Live in Bangkok

Singha Music presents Imagine Dragons Evolve World Tour Live in Bangkok

อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์ 11 มกราคม 2561 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี

  • วันที่/เวลา : พฤหัส, 11 มกราคม 2561

  • สถานที่ : อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี

  • ราคาบัตร : 4,500 / 3,500 / 2,500 บาท

Thai Ticket Major

สนับสนุนเนื้อหา

Singha Music presents Imagine Dragons Evolve World Tour Live in Bangkok



สิงห์ มิวสิค พา อิมเมจิ้น ดรากอนส์ กลับมากรุงเทพอีกครั้ง

ในคอนเสิร์ต อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์
11 มกราคม 2561 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี


วงร็อคเจ้าของยอดขายระดับมัลติแพลทินัมและเจ้าของรางวัลแกรมมี่ (Grammy Award) อิมเมจิ้น ดรากอนส์ (Imagine Dragons) เตรียมกลับมาเยือนกรุงเทพอีกครั้ง พร้อมคอนเสิร์ตครั้งยิ่งใหญ่ สิงห์ มิวสิค พรีเซ้นท์ส อิมเมจิ้น ดรากอนส์ อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์ ไลฟ์ อิน แบงค็อก (Singha Music presents Imagine Dragons Evolve World Tour Live in Bangkok) ที่ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี ในวันพฤหัสบดีที่ 11 มกราคม 2561 โดยครั้งนี้ สิงห์ มิวสิค (Singha Music) บัตรเข้าชมเริ่มต้นที่ 2,500 บาท เริ่มจำหน่ายวันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขาและที่เว็บไซต์ www.thaiticketmajor.com

ศิลปินเจ้าของรางวัลแกรมมี่ จากสาขาการแสดงเพลงร็อคยอดเยี่ยม (Best Rock Performance) ปี 2557 และเจ้าของเพลงฮิตติดหูมากมาย อย่างเช่น อิตส์ ไทม์ (It’s Time), เรดิโอแอกทีฟ (Radioactive), เดมอนส์ (Demons), บีลีฟเวอร์ (Believer) และ ธันเดอร์ (Thunder) เคยเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ต ครั้งแรกที่กรุงเทพเมื่อปี 2558 กับเวิลด์ทัวร์ สโมก แอนด์ มิเรอร์ส ทัวร์ (Smoke + Mirrors Tour) ซึ่งบัตรเข้าชมขายหมดเกลี้ยง การกลับมาครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเวิลด์ทัวร์ล่าสุด และเพื่อโปรโมตผลงานเพลงอัลบั้มที่ 3 อีโวล์ฟ (Evolve) ที่เปิดตัวอย่างสวยงามมีเพลงฮิตติดท๊อปชาร์ตเพลงทั่วโลก ทั้ง บีลีฟเวอร์ และ ธันเดอร์ อีโวล์ฟ เวิลด์ ทัวร์ ได้เริ่มต้นที่อเมริกาเหนือเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเดินทางมาเปิดแสดงในเอเชีย ต้นปี 2561

แฟนเพลงชาวไทยพลาดไม่ได้ กับโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตของศิลปินร็อคที่มีการแสดงสดยอดเยี่ยมที่สุดในโลกวงนึง ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiticketmajor.com 






นับตั้งแต่ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกในชื่อ ไนต์ วิชั่นส์ (Night Visions) ในปีพ.ศ. 2555 วงอิมเมจิ้น ดรากอนส์ ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกด้วยเพลงแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อคที่ปลุกเร้าอารมณ์แต่ก็หม่นเศร้าไปพร้อมกัน สำหรับอัลบั้มที่สามที่ชื่อว่า อีโวล์ฟ วงดนตรีเจ้าของรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด ได้เปลี่ยนมุมมองใหม่และใช้มุมมองทางอารมณ์ที่สดใสขึ้นแต่ก็ซับซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย “ปีที่แล้วเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิตของผมและผมคิดว่ามันสะท้อนอยู่ในดนตรีอย่างมาก” นักร้องนำ แดน เรย์โนลด์ส (Dan Reynolds) กล่าว เพื่อนร่วมวงของเขาประกอบด้วย เวย์น เซอร์มอน (Wayne Sermon) มือกีตาร์ เบน แม็คคี (Ben McKee) มือเบส และ แดเนียล แพลตซ์แมน (Daniel Platzman) มือกลอง “แน่นอนว่ามีช่วงเวลาแห่งความเศร้าอยู่ในอัลบั้มนี้แต่ก็มีเวลาแห่งการเฉลิมฉลองอยู่ด้วย”

ในเพลงเปิดตัวอย่าง บีลีฟเวอร์ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ได้แสดงพลังขับเคลื่อนทางอารมณ์ที่เป็นใจกลาง ของอัลบั้ม อีโวล์ฟ ด้วยเสียงร้องแบบเพอร์คัสซีฟที่ชัดเจนและจังหวะที่ได้แรงบันดาลใจจากแนวเพลง ฮิปฮอป เพลงบีลีฟเวอร์แสดงให้เห็นข้อพิสูจน์ในการแข็งแกร่งขึ้นโดยการผ่านความทุกข์ยาก “ตลอด แปดปีที่ผ่านมาเราเจอช่วงเวลาร้าย ๆ แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้เราพัฒนาไปได้เกือบทุกครั้ง” เซอร์มอน สมาชิกวงอิมเมจิ้น ดรากอนส์ วงดนตรีซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองลาส เวกัสกล่าว “เราไม่ได้อยากจะโตอยู่ตลอดเวลาและความเจ็บปวดคือประตูไปสู่ความเติบโตนั้น”

ในการทำเพลงบีลีฟเวอร์นั้น อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ร่วมงานกับคู่หูโปรดิวเซอร์ชาวสวีเดน แมตต์แมน แอนด์ โรบิน (Mattman& Robin) และได้ซาวนด์ที่สะอาดกว่าทุกเพลงที่พวกเขาเคยทำมาก่อน “แต่ละเพลงในอัลบั้มนี้ เราตั้งใจคัดเลือกเครื่องดนตรีให้น้อยที่สุด เอาเท่าที่จำเป็นในการถ่ายทอดอารมณ์ที่เราพยายามจะจับออกมา” เรย์โนลด์ส เล่า จากไนต์ วิชั่นส์ อัลบั้มที่โปรดิวซ์กันเองเป็นส่วนใหญ่ และอัลบั้ม สโมก แอนด์ มิเรอร์ส (Smoke + Mirrors) ที่ตามมาในปี 2558 ในอัลบั้มอีโวล์ฟนี้ ทางวงได้หันมาทำงานอย่างใกล้ชิดกับ แมตต์แมน แอนด์ โรบิน และโปรดิวเซอร์คนอื่น ๆ เช่น โจเอล ลิตเติล (Joel Little) ที่เป็นที่รู้จักดีจากการควบคุมการผลิตอัลบั้ม เพียว เฮโรอีน (Pure Heroine) ของลอร์ด (Lorde) “เราตั้งใจตามหาโปรดิวเซอร์ที่ถือปรัชญาแบบน้อยแต่มาก พวกเขาช่วยเราสร้างซาวนด์ใหญ่ ๆ แบบอิมเมจิ้น ดรากอนส์ด้วยส่วนผสมที่เรียบง่ายกว่ามาก” เซอร์มอนเล่า

แม้จะใช้วิธีแบบมินิมอลในการทำอัลบั้มอีโวล์ฟ แต่ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ก็สร้างความสลับซับซ้อน อันลุ่มลึกได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการได้ออกไปพักผ่อนเพื่อเติมพลังของพวกเขา หลังการค้นหาทาง จิตวิญญาณระหว่างพักการทัวร์คอนเสิร์ตเป็นเวลาหนึ่งปี อิมเมจิ้น ดรากอนส์ เกิดกระบวนการคิดแบบใหม่และนำเอาความเปิดกว้างมาสู่ดนตรีของพวกเขาในที่สุด “อัลบั้ม สโมก แอนด์ มิเรอร์ส เป็นช่วงเวลาแห่งการสำรวจตัวตนของวงจริง ๆ เป็นตอนที่เราตั้งคำถามกับเรื่องทางจิตวิญญาณและความหมายของมันในชีวิตของเรา” เรย์โนลด์สกล่าว เซอร์มอนเล่าต่อว่า “ในอัลบั้มนั้นเราพยายามที่จะหาคำตอบ ส่วนอัลบั้มนี้เราพอใจที่ไม่ต้องมีคำตอบอะไรเลย”
อิมเมจิ้น ดรากอนส์ พบความรุ่งโรจน์อันไม่น่าเป็นไปได้ในการครุ่นคิดพิจารณาตนเองอย่างเข้มข้นผ่านอัลบั้ม อีโวล์ฟ ในเพลง วอตเอเวอร์ อิต เทกส์ (Whatever It Takes) อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ได้เปลี่ยนความสงสัยในตัวเองให้กลายเป็นมหากาพย์ที่พุ่งทะยานและเปล่งประกายด้วยจังหวะหนัก ๆ และการร้องอันรวดเร็วของเรย์โนลด์ส เพลงธันเดอร์ (Thunder) ก็เป็นอีกห้วงเวลาแห่งการใคร่ครวญ เพลงนี้นำเอาการร้องประสานเสียง และเอฟเฟ็กต์เสียงร้องที่แปลกแปร่งมาถ่ายทอดการคิดทบทวนถึงการเดินทาง ในชีวิตที่ผ่านมาของเรย์โนลด์ส “เพลงนี้คือตัวผมที่มองย้อนกลับไปตอนที่ผมรู้สึกเป็นคนแปลกแยกและการทำเพลงเป็นหนทางหลบหนีเพียงทางเดียวของผม ถึงแม้ว่าผมจะอายเกินกว่าจะให้คนอื่นฟังก็ตาม” เขาเล่า “มันคือการเล่าว่าช่วงเวลานั้นเปรียบเสมือนฟ้าผ่าก่อนที่ฟ้าจะร้องยังไงและตอนนี้ผมอยู่ในจุดที่ได้ทำสิ่งที่รักและได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อเล่นดนตรีให้ผู้คนฟังได้ยังไง”

นอกจากนี้ อัลบั้มอีโวล์ฟยังมีเพลงรักอยู่ด้วยซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักกับ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ด้วยโทนกีต้าร์ที่อ่อนโยนและเสียงร้องอันนุ่มนวล เพลง วอร์กกิ้ง เดอะ ไวร์ (Walking the Wire) เล่าถึงสิ่งที่เรย์โนลด์สอธิบายว่าเป็น “ความสัมพันธ์อันโกลาหลที่เหมือนกับว่ามันจะพังทลายได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้ความสัมพันธ์นี้น่าตื่นเต้น” เพลง ไอ ดอนต์ โนว์ วาย (I Don’t Know Why) เป็นมุมกลับ ที่แจ่มชัดกว่าของเพลงก่อนหน้า เพลงนี้ผสมผสานซินธีไซเซอร์อันเย็นเยียบเข้ากับจังหวะตุบๆ “เพลงไอ ดอนต์ โนว์ วายเริ่มด้วยจังหวะนั้น” เรย์โนลด์สกล่าว “มันให้ความรู้สึกเหมือนกับเวลาคุณขับรถด้วยความเร็ว 90 ไมล์ต่อชั่วโมง โฉบไปมาระหว่างรถแต่ละคันและคุณกำลังจะชน ความอันตราย มากับความโรแมนซ์ในเพลงนี้ มันน่าตื่นเต้นแต่ก็มุ่งไปสู่โศกนาฏกรรม” หนึ่งในเพลงที่ใกล้เคียงกับเพลงบัลลาดมากที่สุดของอัลบั้มอีโวล์ฟอย่างเพลง ไอ เมก อิต อัป ทู ยู (I’ll Make It Up to You) เผยให้เห็นการบรรเลงกีต้าร์อันเปล่งประกายและเนื้อเพลงที่ถูกถ่ายทอดอย่างอบอุ่นเกี่ยวกับ “ช่วงเวลาแห่งแรงปรารถนาที่ให้อภัยได้กับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณได้ทำผิดไป” เรย์โนลด์สกล่าวไว้เช่นนั้น

ก่อตั้งวงในปี 2552 อิมเมจิ้น ดรากอนส์เปิดเผยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทางอารมณ์และสร้างสรรค์ของพวกเขาผ่านอีพีหลากหลายชุด ที่เป็นการทำเพลงอย่างอิสระและสร้างกลุ่มแฟนเพลง ได้จำนวนหนึ่ง หลังจากเซ็นสัญญากับค่าย คิดอินอะคอร์นเนอร์/อินเทอร์สโคป (KIDinaKORNER/Interscope) โดยการชักชวนของ อเล็กซ์ ดา คิด (Alex Da Kid) โปรดิวเซอร์ที่ทำเพลงดังมาแล้วมากมาย อิมเมจิ้น ดรากอนส์ ได้ขยายฐานแฟนเพลงออกไปอย่างกว้างขวางด้วยการปล่อยเพลง อิตส์ ไทม์ (It’s Time) ซิงเกิลยอดฮิตที่มียอดขายระดับมัลติแพลทินัม (เพลงนี้อยู่ในอีพีคอนทินิวด์ ไซเลนซ์ หรือ Continued Silence ที่ออกมาในปี 2555) หลังจากมีเพลงฮิตมามากมาย รวมทั้งเพลงเรดิโอแอกทีฟ (Radioactive) ที่มียอดขายระดับไดมอนด์และคว้ารางวัล การแสดงเพลงร็อคยอดเยี่ยม (Best Rock Performance) จากเวทีแกรมมี่มาครองเมื่อปี 2557 อัลบั้ม สโมกแอนด์มิเรอร์สก็แจ้งเกิดเป็นอันดับ 1 บนชาร์ตบิลบอร์ด ท็อป 200 (Billboard Top 200) เมื่อปล่อยออกมาเมื่อต้นปี 2558

สำหรับ อิมเมจิ้น ดรากอนส์ แล้ว หนึ่งในสิ่งที่เป็นความสำเร็จสูงสุดของอัลบั้มอีโวล์ฟคือ ความซื่อสัตย์อย่างไม่มีข้อจำกัดของอัลบั้มนี้ “แทนที่จะหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังการเปรียบเปรย ผมสามารถเขียนเนื้อเพลงอย่างตรงไปตรงมามากขึ้น” เรย์โนลด์ส กล่าว “ผมมุ่งเน้นการค้นหาที่ลึกลงไปเพื่อคุณค่าด้านเนื้อเพลง” ไม่เพียงมอบความลึกซึ้งในด้านอารมณ์ที่ไม่เคยถูกพูดถึงให้กับอัลบั้มนี้เท่านั้น ความซื่อสัตย์นี้ ยังฝ่าผ่านความวุ่นวายในแต่ละวันเพื่อเปิดเผยความจริงอันเปล่งประกายอีกด้วย “โลกทุกวันนี้ดูเหมือนเป็นที่ที่มืดหม่นและน่าพรั่นพรึง” เรย์โนลด์สกล่าว “เราอยากสร้างบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกับแผ่นเสียงเก่าๆ ที่เราโตมากับมัน ที่ที่รู้สึกเหมือนได้หลบหนีเข้าไปในโลกอีกใบที่สดใสกว่ามาก ความหวังของพวกเราคือ อัลบั้มนี้จะช่วยให้ผู้คนมุ่งความสนใจไปที่ความงามของแต่ละช่วงเวลาและมองเห็นความสดใส และสีสันของชีวิต”

คอนเสิร์ตแนะนำอื่นๆ