สิ้น ลู รีด (Lou Reed) ผู้ก่อตั้ง The Velvet Underground
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/jo/0/ud/15/78777/img01.jpgสิ้น ลู รีด (Lou Reed) ผู้ก่อตั้ง The Velvet Underground

    สิ้น ลู รีด (Lou Reed) ผู้ก่อตั้ง The Velvet Underground

    2013-10-28T14:51:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    ลู รีด

     

    ลู รีด (Lou Reed) อดีตสมาชิกวง The Velvet Underground วงร็อคต้นแบบดนตรีนอกกระแสแห่งยุค 60-90 เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 71 ปี เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาในนิวยอร์ค ซึ่งเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด โดยคาดว่าน่าจะเป็นอาการป่วยจากการผ่าตัดเปลี่ยนตับเมื่อช่วงกลางปีที่ทรุดหนักลง

    รายงานจากนิตยสาร Rolling Stone ได้ยืนยันการเสียชีวิตของ ลู รีด ศิลปินรุ่นใหญ่อดีตสมาชิกของวง The Velvet Underground ที่เป็นทั้งนักร้อง และนักแต่งเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งแห่งแนวดนตรีพังค์ร็อคนอกกระแสเมื่อช่วงสายของวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น

    รีด มีชื่อจริงว่า ลูอิส อัลเลน รีด เป็นสัญลักษณ์ของนิวยอร์กเกอร์เต็มขั้น เขาเกิดที่บรูคลินในครอบครัวชนชั้นกลางเชื้อสายยิว ก่อนจะย้ายไปใช้ชีวิตในย่านฟรีพอร์ต ลอง ไอส์แลนด์ เส้นทางในแวดวงดนตรีของ ลู รีด เด่นชัดขึ้นเมื่อได้พบกับ จอห์น เคล ที่เดินทางจากเวลส์มาปักหลักอยู่ในนิวยอร์ก สัมพันธภาพในด้านดนตรีของทั้งคู่เป็นไปในทิศทางเดียวกันและกลายเป็นจุดเริ่มต้นของวง The Velvet Underground  ทั้งการสร้างโน้ตกีตาร์ในจังหวะที่แปลกใหม่ในยุคนั้นคือการเดินคอร์ดซ้ำๆ กับสำนวนกีตาร์ดิบด้านและบาดหู แต่กลับมีพลังอย่างวิเศษเมื่อคลอไปกับเนื้อหาของเพลงที่ รีด นำเรื่องราวของยาเสพติดและด้านมืดของเรื่องเพศมาเขียนเป็นบทเพลงซึ่งจัดว่าล่อแหลมมากในยุคนั้น ก่อนจะได้สมาชิกเป็นมือกลองหญิง มัวรีน ทัคเกอร์ และมือกีตาร์เบส สเตอร์ลิง มอร์ริสัน มาสมทบ

    อัลบั้มแรกของ The Velvet Underground ใช้ชื่อเดียวกับชื่อวงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่กลับกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับดีเจใหญ่แห่งเกาะอังกฤษอย่าง จอห์น พีล ที่เชื้อเชิญพวกเขาไปแสดงสดในรายการวิทยุทางบีบีซี แต่จุดเปลี่ยนสำคัญที่นำพาทั้งชื่อเสียงและความแตกแยกมาสู่วงในภายหลังคือการร่วมงานกับศิลปินป๊อปอาร์ตผู้โด่งดัง แอนดี้ วอร์ฮอล ผู้สร้างทั้งภาพลักษณ์ สัญลักษณ์ และอัตลักษณ์ในงานของ VU อย่างชัดเจน เช่นภาพปกอัลบั้ม The Velvet Underground and Nico (1967) รูปกล้วยหอมอันเป็นฝีมือของวอร์ฮอล ที่จัดว่าเป็นงานศิลปะชิ้นประวัติศาสตร์แห่งยุคปัจจุบัน ก่อนจะตามมาด้วยผลงานที่กลายเป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งของ VU ทั้ง White Light/White Heat (1968) อัลบั้ม The Velvet Underground (1969) และ Loaded (1970)

    the Velvet Underground

    อัลบั้ม The Velvet Underground and Nico (1967) ผลงานที่จัดว่าเป็นมาสเตอร์พีซชิ้นหนึ่งของ ลู รีด และชาวคณะ

    ความระหองระแหงภายในวง ทำให้ จอห์น เคล และ ลู รีด แยกทางกัน ในปี 1972 ลู รีด เบนเข็มออกผลงานเดี่ยว มีเพลงที่ประสบคงามสำเร็จอย่าง Walk On The wild Side ซึ่งแน่นอนว่ายังคงไม่ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้และดนตรีกระแสหลัก แต่ความศรัทธาในตัวเขาจากศิลปินอินดี้รุ่นหลังๆ กลายเป็นพลังผลักดันและแรงบันดาลให้เกิดวงดนตรีโพสท์พังค์และเรโทรพังค์ที่ประสบความสำเร็จระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น U2, Morrissey, Nirvana, Beck, The Strokes และอีกมากมาย

    ชีวิตชาวร็อคอันโลดโผนของ รีด ในสมัยวัยรุ่นนั้นจัดได้ว่าครบถ้วนในหลายแง่มุม ทั้งการใช้ยาเสพติด การยอมรับในเพศสภาพของตัวเองว่าเป็นไบเซ็กชวลและความพยายามที่จะบำบัดอาการ ดังกล่าวด้วยการช็อตไฟฟ้าอันเป็นที่มาของเพลง Kill Your Sons ในอัลบั้มเดียวของเขาเมื่อปี 1974

    ลู รีด

    ข้อความสุดท้ายที่ถูกโพสท์ขึ้นทางเฟซบุคแฟนเพจของเขา

    ในช่วงบั้นปลาย รีด ยังคงมีผลงานเพลงออกมาเป็นระยะทั้งเดี่ยวและร่วมงานกับศิลปินรุ่นลูก และผันตัวเองไปเป็นกวีในบางขณะ แต่ผลพวงจากการใช้ยาเสพติดอย่างหนักในสมัยวัยรุ่นส่งผลให้สุขภาพของเขาย่ำแย่และมีอาการตับวาย กระทั่งทรุดหนักเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลังจากการขึ้นเวทีแสดงสดครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนมิถุนายน

    แม้คนรอบข้างจะทำใจไว้ล่วงหน้าอาการป่วยของเขาจะไม่มีวันกลับมาดีขึ้น แต่ความหวังสุดท้ายของ รีด ก่อนที่เขาจะจากไป นั่นคือการได้กลับขึ้นเวทีแสดงสดอีกสักครั้ง เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี

    อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

    อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ สิ้น ลู รีด (Lou Reed) ผู้ก่อตั้ง The Velvet Underground