เตรียมพบ 2 ยอดอคูสติกกีตาร์โลกบนเวทีเดียวกันที่กรุงเทพ | Sanook Music

เตรียมพบ 2 ยอดอคูสติกกีตาร์โลกบนเวทีเดียวกันที่กรุงเทพ

เตรียมพบ 2 ยอดอคูสติกกีตาร์โลกบนเวทีเดียวกันที่กรุงเทพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

TOMMY EMMANUEL & MARTIN TAYLOR LIVE IN BANGKOK

เปิดใจฟัง รู้จักสองมือฉมังกีตาร์แจ๊ส

Tommy Emmanuel (ทอมมี เอ็มแมนวลเอล) มือกีตาร์ซึ่งเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy Awards มาแล้วสองครั้ง เป็นหนึ่งในนักดนตรีชาวออสเตรเลียที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด โดย ทอมมี ซึ่งเล่นดนตรีอาชีพมากว่าห้าทศวรรษนั้นมีแฟนเพลงที่ติดตามผลงานอย่างเหนียวแน่นทั่วโลกหลายแสนคน

พรสวรรค์และชีวิตของทอมมีนั้นถือเป็นเรื่องเล่าที่คุ้นเคยกันดีในประเทศออสเตรเลีย โดยทอมมีซึ่งเกิดในครอบครัวดนตรีนั้นได้รับกีตาร์ตัวแรกตอนอายุ 4 ขวบ และได้กับการฝึกสอนจากแม่ของเขา เขาเรียนรู้การเล่นกีตาร์อย่างรวดเร็วโดยใช้หูฟัง และเขาไม่เคยอ่านโน้ตดนตรีเลย พรสวรรค์ของ ทอมมี ทำให้เขาก้าวขึ้นไปเป็นนักดนตรีอาชีพตั้งแต่อายุเพียง 6 ขวบกับวงดนตรีของครอบครัว (ซึ่งมีหลากหลายชื่อไม่ว่าจะเป็น The Emmanuel Quartet, The Midget Surfaries และ The Trailblazers) ซึ่งตอนที่เขาอายุ 10 ปี เขาก็ได้เดินสายเล่นทั่วประเทศออสเตรเลียแล้ว

ในช่วงยุค 70s ทอมมี เป็นนักดนตรีที่เป็นต้องการตัวอย่างสูงทั้งในฐานะนักดนตรีห้องอัดและสมาชิกวง ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นมือปืนรับจ้างให้กับศิลปินอย่าง Air Supply, Men at Work และศิลปินวงดนตรีชื่อดังอีกมากมาย รวมไปถึงเพลงและจิงเกิ้ลโฆษณานับพันชิ้น งานส่วนหนึ่งที่สร้างชื่อให้กับเขามากที่สุดก็คือ เพลงซิงเกิ้ลยอดนิยมของ Air Supply อย่าง Lost in Love, All Out of Love, Every Woman in the World และ Now and Forever ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ทอมมี ก็กลายเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในมือกีตาร์รุ่นใหม่ที่มีฝีมือเยี่ยมที่สุดในประเทศออสเตรเลีย

ในปี 1985 ทอมมีร่วมงานกับวง Dragon ซึ่งทางวงถือเป็นหนึ่งในวงร็อคสัญชาติออสเตรเลียที่โด่งดังมากที่สุดในทศวรรษนั้น และทอมมีได้ร่วมอัดเสียงในงานชุด Dreams of Ordinary Men อัลบั้มที่ทำยอดขายระดับแพลททินัมของทางวง แต่สิ่งที่ทำให้ทอมมีเป็นที่รู้จักกันมากที่สุด ก็คืออาชีพศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จของเขา

ในที่สุด ทอมมี ก็ได้พบและเล่นกับ Chet Atkins (เช็ท แอ็ทกินส์) ฮีโร่ของเขาที่เมือง Nashville รัฐ Tennessee ในช่วงยุค 80 และนับตั้งแต่วินาทีสุดมหัศจรรย์นั้น แอทกินส์ ก็ให้การช่วยเหลือทอมมีมาโดยตลอด เราจะเห็นอิทธิพลของ เช็ท แอทกินส์ ในทุกแง่มุมดนตรีของทอมมี ไม่ว่าจะเป็นปรัชญาส่วนตัว ความแม่นยำด้านเทคนิคการเล่น การอิมโพรไวส์แบบเชี่ยวชาญ และแนวดนตรีหลากหลายแนวในระดับที่ไม่ธรรมดา (ดนตรีที่ทอมมีเล่นไม่ได้มีแค่คันทรีและบลูกราสเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงป๊อป แจ๊ส บลูส์ กอสเปล หรือแม้แต่ดนตรีคลาสสิค ฟลามิงโก และดนตรีแนวพื้นเมืองออสเตรเลียแบบอะบอริจินส์)

ทอมมีพูดถึงเช็ท แอทกินส์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจของตัวเขาด้วยความรักและชื่นชมแบบลูกชาย และความฝันที่จะได้อัดเสียงกับฮีโร่ของเขาก็เป็นจริงในปี 1996 โดยทั้งสองได้ร่วมกันอัดเสียงงานชุด The Day The Finger Pickers Took Over The World ซึ่งทำให้ทอมมีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy เป็นครั้งแรก

เช็ทให้เกียรติทอมมีซึ่งสร้างสรรค์ผลงานดนตรีกับกีตาร์ ด้วยการเรียกเขาว่าเป็น "มือกีตาร์ตัวจริง" (Certified Guitar Player) โดยหลังจากที่ทอมมีได้เล่นกับฟิล (พี่น้องของเขา) อย่างน่าทึ่งที่งานพิธีปิดกีฬาโอลิมปิคในกรุงซิดนีย์แล้ว โลกก็ต้องการที่จะรู้ว่าสิงห์กีตาร์มือฉมังชาวออสเตรเลียคนนี้คือใคร ทอมมีออกงานเดี่ยวกีตาร์โปร่งชุดแรกในชื่อ ONLY และชื่อเสียงความนิยมในตัวเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากตารางเดินสายแบบต่อเนื่องและความสนใจของสื่อที่เพิ่มขึ้น

อัลบั้มชุด The Mystery ทำให้ทอมมีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy อีกครั้ง และนิตยสาร Guitar Player Magazine กับ Acoustic Guitar Magazine ก็ได้ประกาศให้เขาเป็นมือกีตาร์อคูสติคยอดเยี่ยม (Best Acoustic Guitarist) และ Gold Medalist ใน Reader’c Choice กับ Players’ Choice Awards ในปี 2008 ส่วน Readers Choice award ของนิตยสาร Guitar Player ก็ได้ประกาศให้เขาเป็น Best Acoustic Guitarist เป็นครั้งที่สองในปี 2010!

ผลงานทั้งหมดของทอมมีนั้นมีมากกว่า 20 ชุด ไม่ว่าจะเป็นงานเดี่ยว งานเล่นคู่ งานรูปแบบวง งานเพลงคัฟเวอร์ งานเพลงที่แต่งขึ้นใหม่ โดยเขาเล่นทั้งกีตาร์ไฟฟ้าและกีตาร์อคูสติค เขามีดีวีดีแสดงสด 6 ชุด ดีวีดีและซีดีสอนอีก 6 ชุด และตัวทอมมีเองก็จะสอน master class ในระหว่างช่วงที่เดินสายอยู่เป็นประจำ

ผลงานเพลงแต่งใหม่ชุดล่าสุดของทอมมีก็คือ Little By Little อัลบั้มแผ่นคู่ แต่อัลบั้มชุดที่ออกมาล่าสุดของเจ้าตัวก็คือ The Colonel and the Governor อัลบั้มคู่สำเนียงแจ๊สที่บันทึเสียงร่วมกับ มาร์ติน เทย์เลอร์ มือกีตาร์ซึ่งมีพรสวรรค์ในระดับเดียวกัน

การแสดงสดให้กับแฟนเพลงคือสิ่งที่สำคัญสูงสุดของ ทอมมีเขาได้แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกนี้ด้วยการเล่นคอนเสิร์ทมากกว่า 300 ครั้งต่อปีในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา มือกีตาร์ทุกๆ คนเข้ามาดูโชว์ของทอมมีเพื่อดูเขาแสดงเวทย์มนตร์ ซึ่งไม่ได้มีเสน่ห์แต่แค่กับนักดนตรีเท่านั้น การแสดงของเขานั้นมีทั้งอารมณ์ขัน การนำเสนอจิตวิญญาณ และความสุขที่ส่งมอบให้แก่ผู้ชม

สิ่งที่ ทอมมี เอ็มแมนวลเอล สื่อสารออกมาก็คือ ความรักที่มีต่อดนตรีอย่างเต็มเปี่ยม และความยินดีจากตัวเขาที่จะได้แบ่งปันความรักนี้ให้กับโลก ซึ่งก็หมายถึงผู้ชมที่เข้ามาชมในแต่ละครั้ง

TOMMY EMMANUEL & MARTIN TAYLOR LIVE IN BANGKOK

ในขณะที่ มาร์ติน เทย์เลอร์ มือกีตาร์และนักประพันธ์เพลงเจ้าของผลงานสตูดิโออัลบั้มกว่ายี่สิบสี่ชุด พร้อมรางวัลจากหลายเวทีเช่น Multi-Award Best Acoustic Guitarist, BBC Radio 2 Heart Of Jazz Awards และอีกมากมาย แถมยังได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์จาก University of The West of Scotland ในปี 1999 และในปี 2002 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็น MBE For Services To Jazz Music ในรายชื่อเชิดชูเกียรติงานพระราชสมภพสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง และด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้คนดูรู้สึกทึ่งกับการโซโล่เดี่ยวของเขาจนแฟนเพลงทั่วโลกยกให้เป็นหนึ่งเดียวในฐานะยอดนักกีตาร์แนวแจ๊สในสไตล์ "เล่นคนเดียว" ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก

คุณจะได้สัมผัสความมหัศจรรย์ของงานดนตรีชั้นยอด จาก 2 กูรู ทางด้าน Acoustic Guitar ของโลกวันนี้ ด้วยประสาทสัมผัสของคุณเองสดๆ ในเมืองไทย 28 ตุลาคมนี้ โดยโอเวอร์ไดรฟ์ และ สิงห์ คอร์ปอเรชั่น จับมือกันร่วมปรากฏการณ์ครั้งสำคัญในคอนเสิร์ตครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อสองสุดยอดมือกีตาร์ในแนวฉายเดี่ยว ทั้ง ทอมมี เอ็มแมนวลเอล และ มาร์ติน เทย์เลอร์ สองสุดยอดมือกีตาร์ที่มีทั้งเอกลักษณ์  ลีลา สไตล์ของตัวเอง และสามารถครอบครองพื้นที่เป็นเจ้าของเวทีเพียงหนึ่งเดียวแบบเอาคนดูซะอยู่หมัดทุกครั้งและทุกรอบที่เปิดการแสดง

ทั้งสองสุดยอดมือกีตาร์จะมาจับมือร่วมกันแชร์ความเป็นหนึ่งบนเวทีเดียวกันเพื่อสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่คนรักดนตรีไม่ควรพลาดหรือกระพริบตาใน DUO SWING TOMMY EMMANUEL & MARTIN TAYLOR LIVE IN BANGKOK สองยอดนักอคูสติคกีตาร์ของโลก บนเวทีเดียวกัน จันทร์ที่ 28 ตุลาคมนี้ ณ เอ็มเธียเตอร์ บัตรราคา 3000, 2000 และ 1000 บาท เริ่มแสดง 2 ทุ่มตรง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  Prart Music Group (PMG) 02-203-0423-5 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook