มารู้จัก เจ้าป่าวัยกระเตาะ สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี | Sanook Music

มารู้จัก เจ้าป่าวัยกระเตาะ สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี

มารู้จัก เจ้าป่าวัยกระเตาะ สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่การแข่งขันบนเวที เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว หลังจากคว้าแชมป์ในปีที่ 5 มาครองในฐานะ เดอะสตาร์ที่อายุน้อยสุด และเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น ชีวิตของหนุ่มน้อยจากขอนแก่น สิงโต สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี ก็เป็นที่รู้จัก และชื่นชอบของแฟนๆ จำนวนไม่น้อย



เพราะด้วยภาพความใส ความซื่อ บวกความสามารถและหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการนี่เอง ทำให้หลายคนเรียกร้องอยากทำความรู้จักหนุ่มน้อยคนนี้กันให้มากกว่าเดิม ซึ่งเอาใจผู้อ่านด้วยการคว้าเจ้าป่าวัยกระเตาะคนนี้มาเปิดใจพูดคุยกันแบบทุกเรื่องราวเลยทีเดียว ย้อนรอยเจ้าป่า แรงบันดาลใจที่ทำให้ตัดสินใจมาสมัครเวที เดอะสตาร์ 5 คือว่าผมเป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว แต่ก่อนจะขึ้นไปร้องเพลงในร้านอาหารของคุณพ่อคุณแม่ ก็จะชอบร้องเพลงชอบทำกิจกรรม พอมาถึงช่วงมัธยมก็จะไปเล่นดนตรีในวงโยธวาทิต คือจะยังอยู่ในแวดวงของดนตรี และพอช่วง เดอะ สตาร์ 4 ได้มีโอกาสดูแล้วก็เห็นตั้งแต่รอบออดิชั่น

ได้ดูพี่แก้มแล้วก็เชียร์พี่แก้มมาตลอด จนพี่แก้มได้เป็น เดอะสตาร์ ผมคิดว่าสักวันอยากไปยืนร้องเพลงบนเวที เดอะสตาร์ นี้ ก็เลยบอกคุณแม่ว่า แม่ครับ ปีหน้าผมจะไปประกวดนะ แม่ก็งง จริงหรอ แล้วก็โอเคเห็นด้วย ก็เลยโทรไปบอกคุณพ่อ พ่อก็บอกว่าเห็นด้วยสนับสนุน เพราะว่าคุณพ่อก็เป็นคนชอบเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว คือชอบให้ผมทำกิจกรรม พอมาถึงปี 5 แล้วเขาไปออดิชั่นที่ขอนแก่น ก็เลยได้มีโอกาสได้ไปออดิชั่น แล้วก็ผ่านเข้ารอบมา แสดงว่าพื้นฐานก็เป็นคนชอบการแสดงออกอยู่แล้วสิ ...

จะเป็นคนขี้อายในพื้นที่ปกติ แต่กล้าแสดงออกบนเวที (ยิ้ม) เล่นดนตรีก็เป็นคนเล่นดนตรีที่ขี้อาย แต่ใจเรามันอยากลองดู ก็เลยได้เข้ามาในเวทีนี้ ก็ถือว่าเป็นการหาประสบการณ์และพัฒนาให้กล้าแสดงออกมากขึ้นและพูดเก่งด้วย ตอนมาสมัครได้บอกใครบ้างไหมนอกจากพ่อกับแม่..พี่สาวรู้ แต่ไม่ได้บอกเพื่อน คือไม่กล้าบอก กลัวบอกไปแล้วแบบ ฮึ๋ยจะไปได้เหรอ แน่ใจเหรอ ไปแล้วจะได้จริงเหรอ เลยไม่บอกดีกว่า (หัวเราะ) คิดไหมว่าจะก้าวมาได้ไกลถึงขนาดนี้ ตอนแรกที่มาประกวดไม่คิดว่าจะติดเลยสักรอบ



พอผมไปต่อแถวรับใบสมัครแล้วผมเห็นคนที่ขอนแก่น ประมาณ 3,000 คน แล้วแต่ละคนมีแต่หน้าตาดีๆ แล้วแต่ละคนดูท่าทางเก่งๆ กันทั้งนั้นเลย ผมก็เลยไม่คิดว่าจะได้มาถึงขนาดนี้ ผมไม่ได้หวัง จริงๆ นะไม่เคยหวัง สิงโตผูกพันกับคุณแม่มากถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน คือตั้งแต่เด็กคุณแม่จะเลี้ยงดูดีมาก จะดูแลทุกอย่าง ข้าวปลาอาหารเสื้อผ้าดูแลดีมาก คือแม่จะขายของก็จะให้ผมอยู่ที่ร้านด้วย บางทีคุณแม่ก็จะคอยดูแลไม่ให้คลาดสายตาเลย คือคุณแม่บอกนะ ว่าผมเป็นเด็กไม่ดื้อ ให้นั่งตรงนี้ก็จะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเลย

ครอบครัวเราก็ไม่ได้ร่ำรวย พอมีพอกินพอใช้ปกติ แต่พูดถึงการดูแล คุณแม่จะดูแลดีมาก คืออยากได้อะไรได้ อยากทำอะไรได้ คือได้ทุกอย่าง แล้วเคยทำให้คุณแม่ผิดหวังหรือเสียใจบ้างไหม..ยังครับ อาจจะมีเถียงบ้างเล็กน้อย (ยิ้ม) แบบเวลาเรามีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ว่าไม่ถึงกับใหญ่โตอะไร เคยถูกตีหรือเปล่า เคยครับ เรื่องอาบน้ำ คือตอนเด็กๆ คุณแม่จะชอบเอาไม้แขวนเสื้อไล่ตีให้ผมไปอาบน้ำตลอดเลย ผมก็ไม่ไปขี้เกียจนะครับ (หัวเราะ) คือเด็กๆ มันก็ซนแบบว่าเล่นก่อนนะแป๊บหนึ่ง คุณแม่ก็จะตี และจะสอนเรื่องความสะอาด

จะบอกว่าถูกเลี้ยงดูมาแบบไข่ในหินได้หรือเปล่า คุณแม่ดูแลดี แต่ก็ไม่ถึงกับจะเรียกว่าไข่ในหิน ผมก็ยังทำงานทำอะไรช่วยคุณแม่ปกติ เพียงแต่ผมไม่ได้ลำบาก ทราบข่าวว่าคุณพ่อคุณแม่สิงโตแยกทางกัน ใช่ครับ คุณพ่อคุณแม่แยกทางกันตอนผมอยู่ประมาณ ป.2 ประมาณ 8 ขวบ จำความรู้สึกในวันนั้นได้ แต่ว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรเลย คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้บอกลูกว่าเขาเลิกกัน แต่ผมรู้ว่าเลิกกัน หลังจากนั้นก็อยู่กับคุณแม่มาตลอด พอปิดเทอมก็จะไปอยู่กับคุณพ่อ ก็ติดต่อกันมาตลอด



เหมือนกับเรารู้ ว่าคุณพ่อคุณแม่ก็ยังรักเราอยู่ คุณพ่อก็ยังรักเรา คุณแม่ก็ยังรักเรา เราไปอยู่กับคุณแม่ก็มีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ไปอยู่กับคุณพ่อก็มีชีวิตอีกแบบหนึ่ง ครอบครัวแตกแยกมีผลกระทบต่อสิงโตไหม สำหรับผมไม่ เราเข้าใจว่าคงมีเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่ว่าเหตุผลที่สำคัญเลยคือเขารักเรา แล้วเขาก็ทำทุกอย่างเพื่อเรา เพราะอย่างนั้น คงไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว หน้าที่ของผม คือเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ และถึงแม้ครอบครัวผมจะไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่ผมก็พูดได้เต็มปาก ว่าผมมีครอบครัวที่อบอุ่น ผมไม่เคยขาดอะไร

เพราะทั้งคุณพ่อและคุณแม่ก็เติมเต็มให้ผมได้หมด สิงโตช่วยครอบครัวทำงานด้วย ปัจจุบันร้านส้มตำของคุณแม่ที่เปิดอยู่ในหมู่บ้าน เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ผมก็ช่วยที่ร้าน ช่วยเสิร์ฟ ช่วยเช็ดจาน จัดร้าน ช่วยคุณแม่ตลอด เด็กบางคนมักจะอายเมื่อต้องช่วยที่บ้านทำงานแบบนี้ ถ้ามีเพื่อนล้อผมก็อาจจะเขินบ้าง แต่ว่าเพื่อนผมทุกคนก็ไม่ใช่อย่างนั้นเขาก็เข้าใจ เขารู้เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาก็ออกจะชื่นชมด้วยซ้ำ เราก็ยิ่งภูมิใจ เราเกิดมาได้มีโอกาสทำอะไรให้คุณแม่บ้าง คุณพ่อบ้าง ถึงแม้เราจะยังเด็กอยู่ เราก็ยังพอทำเท่าที่เราทำได้

ชีวิตวัยเรียน ชีวิตวัยเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เรียนก็ปกติ ค่อนข้างเป็นเด็กเรียน แล้วก็ทำกิจกรรมด้วย ซึ่งทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็พอใจในผลการเรียนของผม แต่สำหรับผม ผมว่ามันยังไม่ถึงกับดีที่สุด แล้วก็ยังแค่พอใช้ เท่าไหร่ที่ว่าพอใช้ เกรดเฉลี่ยประมาณ 3.8-3.9 จะอยู่ระดับนี้ แต่ผมคิดว่าเกรดเฉลี่ยมันวัดอะไรไม่ได้เท่าไหร่ ถ้าจะวัดจริงๆ คือการที่เราไปสอบแข่งขัน หรือการที่เราไปแข่งขันต่างๆ แล้วเราได้อันดับ 1 2 3 นั่นคือการวัดว่าเรามีประสิทธิภาพจริงๆ

หน้าที่ของเราคือเรียน เราก็ต้องเรียนให้ดีที่สุด เพราะว่าในเมื่อคุณพ่อคุณแม่เขาเหนื่อยแล้ว เขาเหนื่อยเพื่ออะไร เพื่อให้เราเรียน เราก็ต้องไม่ทำให้ความเหนื่อยของคุณพ่อคุณแม่สูญเปล่า แล้วเราก็ถือว่าเป็นหน้าที่แล้วก็มันเป็นผลดีกับเราในอนาคตด้วย เวลาอยู่ในกลุ่มเพื่อนเป็นคนคุยเก่งไหม เพราะดูบุคลิกสิงโตเป็นคนเงียบๆ กลุ่มเพื่อนส่วนใหญ่ก็เป็นเพื่อนในกลุ่มเรียน จะเป็นเด็กเรียน ก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก ผมก็เป็นแบบนี้ปกติ พูดไม่ค่อยเก่ง แต่ถ้าให้ออกไปพูดหน้าชั้นจะพูดได้ แต่ถ้าให้จับกลุ่มคุยกันก็จะไม่ค่อยพูด

คือเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เลย อยู่โรงเรียนนี่เป็นหนุ่มฮอตเลยหรือเปล่า ไม่ถึงขนาดนั้นครับ (ยิ้ม) ก็คือปกติธรรมดาก็เหมือนนักเรียนทั่วไป เป็นเด็กกิจกรรมด้วยไหม เล่นดนตรี เป็นนักฟุตบอลกีฬาสี แล้วก็ทำกิจกรรมแล้วแต่คุณครู หรือเพื่อนจะนำเสนอ อยู่ที่โรงเรียนสาวๆ กรี๊ดเลยสิแบบนี้มีบ้างครับ (ยิ้ม) ปกติผมจะเป็นคนขี้อาย สมมติว่าเวลาเดินไปไหนก็จะมีคนมาแซวมาเรียกชื่อ แล้วผมก็จะเป็นคนขี้อายก็จะไม่กล้าตอบ แล้วเขาก็จะชอบบอกว่าผมหยิ่ง แต่จริงๆแล้วผมไม่หยิ่ง แต่ผมเป็นคนขี้อายไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดี คือไม่รู้จัก แล้วก็ไม่กล้าคุยกับเขาด้วย



อยากมีแฟนไหม ถ้ามีแล้วดีก็ควรจะมี แต่ถ้ามีแล้วไม่ดีก็อย่ามีเลยดีกว่า คือมีแล้วพากันไปในทางที่ดี คือช่วยกันสอนการบ้าน ช่วยกันจดโน้ต เรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ถ้ามีแล้วดึงกันให้เสียไม่ไปเรียนก็อย่ามีเลยดีกว่า เคยมีกิ๊กกั๊กแอบมองสาวไหม มีครับเป็นปกติ (ยิ้ม) ก้าวสู่แชมป์เดอะสตาร์ จุดประสงค์ของการมาประกวดนอกจากอยากแสดงความสามารถแล้ว เรื่องของเงินทองหรือว่าชื่อเสียงมีส่วนด้วยไหม ผมยังไม่คิดถึงตรงนั้น เพราะผมอายุ 16 ปีเอง แล้วก็ไม่รู้จะเอาเงินมากมายมาเพื่ออะไร คืออยากให้ชีวิตมีความสุขแล้วก็ไม่ขาดไม่เกิน

มีแบบพอดีพอเพียง ถ้ามันไม่ขาดก็จะรู้สึกมีความสุข หลังจากได้รางวัลแล้วชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง มันก็ทำให้ผมเป็นที่รู้จัก มีงาน มีคนที่รู้จักมากขึ้น มันก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ผมก็ยังเป็นตัวของผมเอง แต่ที่จะปรับก็น่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องต้องพบผู้คนเยอะๆ ต้องพัฒนาการพูดการร้องการเต้นการแสดง มันคือสิ่งที่ดีๆ สำหรับเราหมดเลย มีบางกระแสพูดถึงสิงโตว่าได้แชมป์เดอะสตาร์ เพราะว่าหน้าตาไม่ใช่ความสามารถ เมื่อเรามายืนตรงนี้ ก็จะทำให้คนมองเห็นเราง่ายขึ้น ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะมองผมเป็นอย่างไร สำหรับผม รู้สึกว่าที่เขาพูดมาอย่างนั้น ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เขาสามารถคิดได้

แต่เราก็พยายามนำมาปรับปรุง เพื่อลบคำสบประมาทต่างๆ ให้ได้ ผมพยายามนำมันมาเป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง ผมเข้าใจ ผมก็เป็นคนดูมาก่อน เข้าใจว่าเขามองแต่ละคนมองอย่างไร ก็มีคนชอบเรา มีคนไม่ชอบเรา แต่เราก็พยายามทำให้คนที่เขาไม่ชอบเรา กลับมาชอบเราให้ได้ ผมไม่คิดว่าจะยากหรือง่าย ก็คือผมทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ส่วนว่าเขาจะกลับมาชอบเราหรือไม่นั้นอีกเรื่องหนึ่ง ตั้งรับกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิตไว้อย่างไรบ้าง ผมก็พยายามทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด พยายามพัฒนาตัวเอง ทำให้มันดีขึ้นเรื่อยๆแล้วก็ทำให้ทุกๆ คนยอมรับให้ได้

พอมาอยู่ตรงนี้พี่ๆ หรือทุกๆ คนก็จะแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นพี่โปรดิวเซอร์ รวมถึง พี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) คือเขาจะแนะนำว่าการอยู่ในวงการบันเทิง ถ้าเราอยู่ไม่เป็น ก็จะอยู่ได้ไม่นาน ผมก็พยายามฟังแล้วก็เอามาพัฒนาตัวเอง พยายามใช้ชีวิตให้เป็นปกติ ผมก็คิดว่าทุกคนเข้าใจ เด็กต่างจังหวัดคนหนึ่งที่เข้ามาในกรุงเทพฯ เราก็ต้องเรียนรู้ อาจจะทำอะไรที่ผิดบ้าง มันก็ต้องมีบ้างที่คนเราจะผิดพลาด แต่ว่าก็ต้องดำรงอยู่ในความมีสติแล้วกัน ถ้ามีสติก็จะทำให้เราทำอะไรได้แล้วก็ออกมาดี คำว่า อยู่เป็น สำหรับสิงโตคืออะไร

อยู่เป็นคือ อย่างที่บอกครับ อยู่ตรงนี้ทุกคนจะมองเห็นเรา เราต้องไม่ทำให้ทุกคนที่มองเห็นเรามองเราแล้วรู้สึกไม่ดี ต้องทำให้ทุกคนที่มองเราแล้วรู้สึกดี มองเราแล้วเขายิ้ม เราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ที่ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้เพราะเขาชอบในตัวของผม สิ่งที่ต้องทำคือการพัฒนาให้มันดียิ่งขึ้น ต้องเรียนและทำงานพร้อมๆ กันถือว่าหนักสำหรับตัวเองไหม ถามว่าหนักไหม มันก็หนักนะครับ แต่ว่าในเมื่อเราเลือกแล้ว เราก็ต้องทำมันให้ได้ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงาน คือถ้าเปิดเทอมแล้ว



ผมจะมีเวลาเรียนถึงบ่าย 3 โมงครึ่ง แล้วก็จะรับงานหลังจากนั้น 4 โมง อะไรอย่างนี้ครับ กลัวสูญเสียชีวิตในวัยเรียนหรือเปล่า ผมมองว่าเป็นโอกาสมากกว่า เราได้โอกาสตรงนี้มาแล้ว คือไม่ใช่ทุกๆ คนที่จะได้รับโอกาสนี้ แล้วก็มองไปในแง่ดีว่าเราได้โอกาสที่เหนือกว่าคนอื่นนะ เราก็ต้องรับโอกาสนี้และทำมันให้ได้ คุณแม่ห่วงอะไรเป็นพิเศษ ห่วงเรื่องสุขภาพ แล้วก็เรื่องการเรียน คุณแม่กลัวเหนื่อยเพราะต้องทำงานหนัก ก็บอกให้รักษาสุขภาพด้วย มาอยู่แบบนี้ก็ไกลกับคุณแม่ แต่คิดถึงก็โทรศัพท์หากันตลอด ผมจะโทรหาคุณแม่ทุกเช้าและเย็นอยู่แล้ว

การที่ต้องมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ คนเดียวโดยไม่มีแม่คิดว่าลำบากไหม ไม่ครับ ส่วนหนึ่งจะทำให้เราไม่เป็นลูกแหง่ คือมีแม่ก็จะติดแม่ เป็นเหมือนกับการพัฒนาเราด้วย การอยู่คนเดียวแล้วเราจะอยู่ได้มั้ย เราจะทำได้มั้ย อีกอย่างหนึ่งก็คือ ผมอยากให้คุณแม่อยู่ที่ขอนแก่นมากกว่า เพราะว่าด้วยสภาพแวดล้อมคุณแม่น่าจะมีความสุขมากกว่า สำหรับผม ผมคิดว่าผมเหมาะกับที่ขอนแก่นมากกว่าที่จะมาอยู่ที่กรุงเทพฯ คือด้วยสภาพแวดล้อมด้วยผู้คนด้วยสิ่งต่างๆ แต่ผมมีหน้าที่และงานที่ต้องรับผิดชอบ และถ้าให้คุณแม่มาอยู่ คุณแม่ก็คงไม่มีความสุขเท่ากับอยู่ขอนแก่น

วางแผนชีวิตการงานไว้อย่างไรบ้าง ตอนนี้ก็คงต้องทำหน้าที่ตรงนี้ก่อน คือ ร้องเพลง มีอัลบั้มของพวกเรา เดอะสตาร์ 5 ทั้ง 8 คน แล้วต่อไปก็คงเป็นอัลบั้มเดี่ยวที่จะต้องมีการวางแผนกัน แล้วก็ทำกันต่อไป ส่วนอยากให้อัลบั้มแรกออกมาเป็นแบบไหน ผมก็คิดไว้แล้วบ้าง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่แล้วก็การคุยกัน การแสดงล่ะสนใจหรือเปล่า ผมยังไม่เคยเรียนการแสดงอย่างจริงจัง ก็เลยยังไม่เคยคิดว่าเราจะแสดงออกมาเป็นอย่างไร แต่ก็มีคิดไว้บ้าง ก็อยากลองดูนะว่าจะเป็นอย่างไร คือทำทุกวันนี้ให้ดีที่สุดแค่นั้น อีกอย่างหนึ่งหน้าที่เราก็คือ การเรียน มันก็สำคัญเหมือนกัน

ล้วงหัวใจเจ้าป่าน้อย แล้วเรื่องหัวใจ เรื่องสาวๆ ล่ะคิดไว้บ้างหรือยัง ตอนนี้ผมคิดหลายเรื่องมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องเรียน ก็คือยังไม่มีเวลาคิดเรื่องสาวๆ ถ้าหากมันจะมาก็คงมาเองครับสเปกสาวในหัวใจสิงโตเป็นแบบไหน สเปกสาว ก็มีครับ คือชอบผู้หญิงตาโตน่ารักๆ เอาใจเก่ง แล้วก็สนุกสนานยิ้มเก่ง อยากมีแฟนไหม ถ้ามีแล้วดีก็ควรจะมี แต่ถ้ามีแล้วไม่ดีก็อย่ามีเลยดีกว่า คือมีแล้วพากันไปในทางที่ดี คือช่วยกันสอนการบ้าน ช่วยกันจดโน้ต เรื่องโน้นเรื่องนี้ แต่ถ้ามีแล้วดึงกันให้เสียไม่ไปเรียนก็อย่ามีเลยดีกว่า ดูเหมือนคุณแม่จะหวงลูกชาย



เวลามีเรื่องสาวๆ คุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง คุณแม่จะไม่ยุ่งเรื่องนี้เท่าไหร่ เขาก็จะถามบ้างเล็กน้อย คือมีอะไรก็เล่าให้ฟังบ้าง แต่บางทีก็ไม่ได้เล่า ส่วนพี่สาวนี่เล่าไม่ได้ครับ เล่าแล้วชอบล้อ (ยิ้ม) สาวตาโตได้อ่านแล้วคงยิ้มกันแก้มปริ ก็แหม...ติดหนึ่งในสเปกสาวของ สิงโต ด้วยนะเนี่ย ส่วนใครที่คิดถึงหนุ่มน้อยคนนี้ล่ะก็ ขอบอกว่าหายคิดถึงชัวร์ เพราะจากนี้ไปคงได้เห็นทั้งผลงานเพลง และเห็นหน้าสิงโตตามรายการต่างๆ อีกเพียบ

ประวัติสิงโต วันเกิด 3 มิถุนายน 2535 การศึกษา ม.5 สาธิต มศว.ประสานมิตร สายวิทย์-คณิต เวลาว่าง อ่านหนังสือ เล่นกีฬา เล่นดนตรี นักแสดงที่ชื่นชอบ ชาคริต แย้มนาม ศิลปินคนโปรด แบงค์ วงแคลช

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook