เบลล์ โร่แจ้งตร.เพื่อนแสบฉกบัตรรูดปื๊ดร่วม7แสน | Sanook Music

เบลล์ โร่แจ้งตร.เพื่อนแสบฉกบัตรรูดปื๊ดร่วม7แสน

เบลล์ โร่แจ้งตร.เพื่อนแสบฉกบัตรรูดปื๊ดร่วม7แสน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


อึ้ง!! นักร้องสาว เบลล์ ไชน่าดอลล์ หรือ สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล ซวยซ้ำซาก (อีกแล้ว)!! รุดแจ้งความกับกองปราบปรามฯ เมื่อวันอังคารที่ 20 มกราคม ว่าได้โดนอดีตเพื่อนร่วมหุ้นที่เคยทำธุรกิจเปิดโรงเรียนสอนเต้น พ่นพิษ...เล่นที่เผลอฉกบัตรเครดิตไปรูดเงินเฉียด 7 แสนบาท ครั้นโทร.ไปเคลียร์กลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน...ที่สุดเลยต้องขอเดินหน้าพึ่ง พากฎหมาย...ย้ำทุกวันนี้ถ้าประมวลหนี้สินแล้ว ร่วม 2 ล้านบาท แต่ไม่ท้อ...และไม่คิดฆ่าตัวตาย!!

เฮ้อ! ซวยซ้ำซากจริ๊งๆ จริ้ง สำหรับ สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล หรือ เบลล์ ไชน่าดอลล์ ย้อนเวลากลับไปเมื่อประมาณเดือนเมษายน 2551 เธอก็โดนเพื่อนร่วมหุ้นโครงการจัดงานมหกรรมศิลปะรอยสักนานาชาติ ครั้งที่ 2 ในประเทศไทย สุภัชญา ลัทธิโสภณกุล คิดไม่ซื่อ สร้างปัญหาเงินๆ ทองๆ กระทบถึงงาน-เงิน ทำให้เธอต้องมานั่งแก้ปัญหา ที่สุดคิดไม่ตกถึงขั้นกรอกยานอนหลับ 20 เม็ดหวังดับสติ ดับปัญหาเรื่อง...โดนต้ม แต่เดชะบุญที่เพื่อนๆ ช่วยไว้ทัน...ความซวยยังไม่สิ้นสุดเพียงแค่นั้น เพราะช่วงต้นปี 2552 โรงเรียนสอนเต้นที่สยามชื่อ 'แชล วี แดนซ์' ซึ่งเธอทุ่มแรงกาย ทุนทรัพย์ร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ อาทิ ญาญ่า หญิง หรือ รฐา โพธิ์งาม ต้องอับปาง ต้องปิดตัวลง เพราะพิษเพื่อนร่วมหุ้นที่คิดไม่ซื่อกับเธอในเรื่องเงินๆ ทองๆ

ล่าสุด....ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก เพราะในขณะที่เรื่องเก่ายังเคลียร์ไม่จบ อยู่ในระหว่างการขึ้นศาล จู่ๆ เธอแทบช็อก!! ว่า เพื่อนร่วมหุ้นคนเดิมเล่นทีเผลอ (อีกแล้ว) ฉกเอาบัตรเครดิตของเธอ รวมทั้งสิ้น 3 ใบ ไปรูดเงินสดรวมมูลค่าเฉียด 7 แสน ฟังแล้วแทบล้มทั้งยืนกับหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อหลังจากที่โทร.ไป เคลียร์ปรากฏไม่ได้รับการตอบรับ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับทางกองปราบปรามฯ เมื่อช่วงบ่ายวันอังคารที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา

เกี่ยวกับเรื่องราวความซวยซ้ำซากดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าวสยามดาราได้รับการเปิดเผยจากผู้เคราะห์ร้าย รายนี้ว่า ความซวยของเธอเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2549 จากน้ำมือคนใกล้ชิดที่ก่อการแบบเนียนมาก 'บัตรที่เขานำไปรูดเป็นบัตรเครดิตที่รูดเงินสดได้ จำนวน 3 บัตร จำนวนเงินที่รูดไป 6 แสน 5 หมื่น ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เบลล์ไม่ทราบเรื่องนี้เลย เพราะว่าไม่เคยใช้บัตร แต่เรื่องมันแดงขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 3 มกราคม ที่ผ่านมา ที่ทราบเพราะว่าพนักงานที่ร้านซึ่งโดนไล่ออกเป็นคนแฉ ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีคนวานให้ไปชำระหนี้ตลอด เราแปลกใจ เอ๊ะ!! มีแบบนี้ด้วย หรือบอกพนักงานให้ไปเช็ก ขอข้อมูลจากทางแบงก์ เท่าที่ทราบ เขาได้มีการแจ้งย้ายที่อยู่เบอร์โทร.ติดต่อ เรียบร้อย เรียกว่าเวลาที่มีใบแจ้งหนี้ เบลล์ไม่มีทางรับทราบอย่างแน่นอน ส่วนเป็นใครใดๆ ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียด บอกได้แค่เพียงว่าเป็นคนใกล้ตัว ส่วนที่พี่ๆ ถามว่า...อ้าวแล้วไม่รู้หรือว่าเกิดเรื่อง เกิดราว ทำไมรู้ช้าจัง อันนี้เบลล์บอกได้เลยว่า ตัวเองไม่คิดว่ามีใครรู้รหัส บัตรเครดิตคิดดูสิขนาดตัวเองยังไม่รู้รหัสเลย ส่วนตัวเวลาใช้เงินจะใช้บัครเครดิตเสริมของคุณแม่รูดตลอด เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 2006 (2549) เบลล์ชะล่าใจคิดว่าไม่มีใครเอาไปได้เราไม่ได้ตรวจเช็ก แต่เราวางกระเป๋าที่ร้าน ไม่ได้เอะใจ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เบลล์ไม่ได้อยู่บ้านกับพ่อแม่ด้วย ไม่คิดว่าจะเขาจะทำแบบนี้กับเราได้'

ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อไปว่า ทราบเรื่องตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2552 แต่ทำไมถึงมาดำเนินการตามกฎหมายเอาตอนนี้ เจ้าตัวหัวเราะนิดหนึ่ง แล้วเผยว่า อย่างที่บอกคือไม่ทราบเรื่องเลย แต่พอพนักงานที่ไล่ออกมาแจ้งให้ทราบถึงได้รู้เรื่อง หลังจากนั้นก็พยายามติดต่อ สอบถามบุคคลๆ นั้นว่าจะรับผิดชอบหรืออะไรใดๆ กับตรงนี้หรือเปล่า? ซึ่งเขาเฉย ที่สุดเมื่อเป็นอย่างนั้นจึงคิดว่าให้กฎหมายให้ศาลตัดสินจะดีกว่า


...ตอนนี้ต้องต้องปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่เขาสอบสวน รวบหลักฐานจากทางธนาคารและส่วนอื่นๆ ก่อนหน้านี้ได้มีการทวงถามไปแล้ว เอาอย่างไง เขาก็เฉยสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ถามว่ามีความหวังที่จะได้คืนมากน้อยขนาดไหนบอกตรงๆ ไม่ได้หวังอะไรเลยในเมื่อมันเสียไปแล้วต้องทำใจ ถือเป็นบทเรียนว่าต่อไปภายหน้าต้องรอบคอบมากกว่านี้ ในเรื่องของเอกสารส่วนตัว ความไว้ใจคน เพราะหนี้จำนวนดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเบลล์ไม่ได้เป็นคนก่อเลย แต่ต้องมานั่งชดใช้...

ต่อข้อที่ว่า รวมมูลค่าเงินทองที่ต้องมานั่งชดใช้หนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อ 3 ครั้งซ้อนๆ ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันรวมแล้วประมาณสักเท่าไหร่ เจ้าตัวนิ่งไปสักพักแล้วเฉลยให้ฟังว่าเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 2 ล้านกว่า ตอนนี้เข้าใจหัวอกของ น้อย โพธิ์งาม และ ญาญ่า หญิง รฐา โพธิ์งาม แล้วว่า อกของคนที่ต้องมาชดใช้หนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ก่อนั้นมันขมขื่นและช้ำชอกแค่ ไหน แต่ยืนยันว่าเมื่อเผชิญกับความซวยซ้ำซากแบบนี้ ครั้งนี้ เวลานี้ตนไม่ได้คิดสั้น ปลิดชีวิตตัวเองเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว ทั้งนี้เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา บวกกับกำลังใจจากคนรอบข้าง หล่อหลอมให้เธอแกร่งและกล้าที่เผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้น

...ตอนนี้อย่างที่บอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่รวบรวมหลักฐานจากที่ต่างๆ รวมไปถึงเอกสารของธนาคาร สำหรับเบลล์เองอยากให้ตรงนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนไม่ค่อยได้กลับบ้าน ว่าเบลล์ได้เรียนรู้แล้วว่าสถานที่ที่ ปลอดภัยและอบอุ่นที่สุดก็คือบ้าน ถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบั่นทอนมั้ย บั่นทอนเหมือนกันในแง่ที่ว่า เราไว้ใจคนผิด รักคนผิด ทำให้สิ่งต่างๆ พังไม่เป็นท่า แต่สิ่งที่สบายใจคือเราไม่ทำร้ายใคร สอง เรามีความสุขที่เราไม่ได้ทำร้ายใคร ส่วนที่พี่ๆ ถามไปดูดวงมามั้ย ไม่ได้ดูค่ะ แต่พยายามคิดไว้ในใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นกรรมที่เราต้องชดใช้ ตลอดจนมีความหวังว่าชีวิตคงได้พบเจอในสิ่งที่ดีๆ บ้าง...

สยามดาราสอบถามต่อไป ว่าในฐานะที่ ญาญ่า หญิง เพื่อนสนิทเป็นคนที่เผชิญกับเรื่องแบบนี้มาก่อน ตรงนี้เพื่อนสาวร่วมชะตากรรมเดียวกันได้มีการพูดคุย ปลอบใจ คลายเครียดกันหรือเปล่า? สาวมั่นหัวเราะแล้วกล่าวว่า ตนเข้าใจแล้วว่าตื่นขึ้นมาเจอหนี้ชาวบ้านทำไว้ ต้องมารับภาระแบบนั้นเป็นเช่นใด'คุยกับหญิงทำให้เข้าใจมากขึ้น หญิงเขาเก่ง เขารับได้ ถามหญิงเหมือนกันนะว่าทำอย่างไรเวลาที่รู้สึกท้อ เขาบอกว่ามีหลักง่ายๆ คือต้องให้กำลังตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องดีกว่าเสมอ และเห็นว่าสิ่งที่หญิงพูดนั้นเป็นจริง ส่วนน้าน้อย โพธิ์งาม ไม่ได้คุยอะไรกันมาก แต่ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ปิดโรงเรียนมีการปรับความเข้าใจกับเขาในฐานะชวนเขา มาหุ้น เราเจ็บตัวก็จริง แต่เราต้องทำตามความถูกต้อง เบลล์ก็ชดใช้ให้กับเขาไป ไม่รู้สิตัวเองมองว่า ความสัมพันธ์ ความเป็นเพื่อน เหนือเงินทองและสิ่งอื่นใด

และเท่าที่จับกระแสเสียงในวันนี้ เบลล์ มีความทุกข์ก็จริงอยู่ แต่เสียงของเธอนั้นไม่ได้สั่นเครือ หรือท้อแท้แต่อย่างใด สยามดาราจึงอดที่จะถามไม่ได้...เกิดหนี้สินที่ตัวเองไม่ได้ทำรุมเร้าขนาดนี้ ยังมีจิตใจหัวเราะได้อีก? อดีตนักร้องสาวชื่อดังหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่าที่ยังหัวเราะได้ เพราะว่ามันผ่านตรงนั้น วันนั้นมาแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว หนักกว่านี้มากมาย แต่ยังผ่านมาได้

...ยังนึกว่าดีที่ผ่านตรงนั้นมาได้กลับมาที่บ้าน เจอพ่อแม่ เราจะทำร้ายตัวเองทำไม จะไปแคร์ทำไมกับคนที่ไม่รักเราจริง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้เลยว่าคนไหนคือเพื่อนแท้ วันนี้ไม่เครียดเท่าวันนั้น เพราะเบลล์ได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่มีความอบอุ่น ตอนนั้น (เดือนเมษายนปีที่แล้ว) ไม่อยู่กับพ่อแม่ ปัญหาต่างๆ คิดว่าจะแก้ได้ เอาเข้าจริงๆ ไม่ได้ แต่ตอนนี้ต้องกลับมาขอโทษ มาพูดให้เขาฟัง สุดท้ายก็ต้องมาให้พ่อแม่แก้ปัญหา ณ วันที่มีปัญหา ทำให้รู้ว่าเออมีใครบ้างที่รักเราจริงๆ เพื่อนๆ บางคนถึงขั้นมีเงินใช้หรือเปล่า (หัวเราะ) เขารู้ว่าเราเจอมาหนัก แค่ถามก็ซึ้งแล้วละคะ ตอนนี้รู้แล้วว่า คนไหนเพื่อนแท้ เพื่อนไม่แท้ บอกกับตัวเองว่าอย่าไปใส่ใจคนที่เขาไม่รักเราจริงเลยค่ะ... เบลล์ ไชน่าดอล์ กล่าวในที่สุด



ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก


แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook