คอนเสิร์ต โลกร้อน คนละลาย 2 - ใช่ว่ากอบกู้โลก?แต่หวนสู่ความเรียบง่าย | Sanook Music

คอนเสิร์ต โลกร้อน คนละลาย 2 - ใช่ว่ากอบกู้โลก?แต่หวนสู่ความเรียบง่าย

คอนเสิร์ต โลกร้อน คนละลาย 2 - ใช่ว่ากอบกู้โลก?แต่หวนสู่ความเรียบง่าย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ไฟที่ดับมืด ค่อยๆ ส่องแสงสลัวขึ้นมาด้วยพลังงานเทียนไข ไต่ไล่จากจุดต่อจุดจนสว่างทั่วเวที แล้วเสียงเพลงก็บรรเลงขึ้นผ่านเครื่องมือที่เป็นชิ้นดนตรีอะคูสติค ให้ความรู้สึกเดิมแท้ที่เป็นธรรมชาติของดนตรีโฟล์กแบบคาราวานมากที่สุด

นั่นคือฉากเปิดที่จะเกิดขึ้นในคอนเสิร์ต โลกร้อน คนละลาย 2 ตอน หอมแผ่นดิน ในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคมที่จะถึงนี้ เวลา 18.00 น. ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์



แสงเทียน แสงเงา ย้อนความหลัง จะเป็นการเดินข้ามเวลา ย้อนรำลึกถึงช่วงเวลาที่วงดนตรี คาราวาน ซึ่งประกอบด้วย สุรชัย จันทิมาธร (หงา-ร้องนำ, กีตาร์), ทองกราน ทานา (อืด-กีตาร์, ไวโอลิน), มงคล อุทก (หว่อง-พิณ, ฮาร์โมนิก้า) และ วีระศักดิ์ สุนทรศรี (แดง-กีตาร์) ขึ้นแสดงบนเวทีหอใหญ่ธรรมศาสตร์เป็นครั้งแรกเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศที่เรียบง่าย สื่อใจสู่ใจ เพื่อทบทวนความเป็นมาและเป็นไปว่าพวกเขาก้าวเดินมาจากหนใด และกำลังจะไปสู่ที่ไหน กู่ก้องบอกเล่าเรื่องราววิกฤตของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นผ่านปรากฏการณ์โลกร้อน

มงคล อุทก กล่าวถึงความรู้สึกห้วงลึกถึงคอนเสิร์ตซึ่งวางแนวว่าจะบอกเล่าสภาวะโลกร้อนผ่านคำว่า หอมแผ่นดิน ว่า เขาเคยตระเวนเล่นคอนเสิร์ตตามชนบท ซึ่งในแต่ละที่ก็จะมีกลิ่นหอมของท้องถิ่นไปคนละแบบ ตามลักษณะของผืนแผ่นดิน พืชพรรณธรรมชาติของแต่ละที่ไป

"เป็นกลิ่นหอมที่บอกไม่ถูก และเราจะไม่ได้กลิ่นอย่างนี้จากเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยควันพิษและมลภาวะ น้ำเน่าเสีย คำว่าหอมแผ่นดิน เป็นคำที่สวย และบอกเรื่องราวถึงคอนเสิร์ตนี้ได้เป็นอย่างดี"

จากประสบการณ์ตรงของสมาชิกวงคาราวานทั้ง 4 ครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่มและลี้หนีภัยในความไม่ลงรอยของอุดมการณ์ทางการเมืองเข้าสู่ป่าเขา ชีวิตในร่มเงาของแมกไม้ โตรกธาร การเดินทางผ่านเทือกเขายาวเหยียดทำให้ชีวิตของพวกเขาในช่วงนั้นอิงแอบกับธรรมชาติอย่างเข้าถึง ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต่อชีวิตล้วนได้มาจากพืชพรรณในราวป่าและสรรพสัตว์ในแนวไพร

ธรรมชาติเรียงร้อยความผูกพัน จึงฝังแน่นอยู่ในหัวใจ

เช่นกันในคอนเสิร์ตก็จะมีช่วงเล่าเรื่องที่คาราวานเข้าไปใช้ชีวิตในป่า มาเชื่อมโยงกับการใช้พลังงานแบบพึ่งพาตัวเอง เพื่อกระตุ้นและปลุกเร้าจิตสำนึกถึงวิกฤตการณ์ภาวะโลกร้อน ที่มนุษย์ต้องหันมาพึ่งพาพลังงานสะอาดจากตัวเอง ลม แสงแดด ให้มากยิ่งขึ้น ถือเป็นการนำองค์ความรู้ท่ามกลางความยากเข็ญในการดำเนินชีวิตภายใต้เงื่อนไขอันจำกัดของป่าเขา แต่มีความสุขอย่างล้นเหลือมาบอกเล่า สลับกับมีบทเพลงที่เขียนขึ้นในช่วงปี 2519-2525 บนเขตงานฐานที่มั่น สะท้อนเรื่องราวและเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยให้สดับรับฟัง

สำหรับความพิเศษและสีสันทางดนตรี รวมถึงแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตก็จะมี จ๊อบ-บรรจบ พลอินทร์ ที่จะมากู่ก้องร้องเพลงในแนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืนที่เขารณรงค์อยู่ และร่วมร้องบทเพลงของคาราวานที่มีกลิ่นอายป่าเขาและทะเลในแบบเร็กเก้

ต่าย อรทัย สาวลูกทุ่งเสียงหวานอ้อน มาขับกล่อมบทเพลงของคาราวานในแบบลูกทุ่งเพื่อชีวิตสายโรแมนติค

วิลิต เตชะไพบูลย์ ชายหนุ่มทายาทตระกูลพันล้านที่หวนกลับสู่จิตวิญญาณเดิมของเกษตรธรรมชาติแบบอินทรีย์ ที่อีกภาคหนึ่งคือ มือกู่เจิ้ง, ซอหัวม้า และพิณน้ำเต้า เครื่องดนตรีของจีนก็จะสร้างเสียงที่แปลกใหม่ให้กับดนตรีของคาราวาน

พิว-โชติรส วิบูลย์ลาภ สาวเสียงสวยจากเพลงโฆษณา รักข้ามขอบฟ้า ทางทีวีที่ทุกคนเคยได้ยิน จะมาร่วมร้องเพลงและเป็นมือเพอร์คัสชั่นตลอดคอนเสิร์ต

"ดนตรีของคาราวานไม่ได้มาแสดงเพื่อกอบกู้โลก แต่มาบอกกล่าวเรื่องราวส่งข่าวสารแห่งสุนทรีย์อันเรียบง่าย เพื่อให้ผู้คนได้ทบทวนตัวในสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติต่อโลกและธรรมชาติว่า จะพามนุษย์เดินไปสู่หนใด"

คอนเสิร์ต โลกร้อน คนละลาย 2 จำหน่ายบัตรราคา 600, 800 และ 1,200 บาท ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ พิเศษสำหรับบัตรราคา 1,200 บาท รับมินิซีดีชุดพิเศษพร้อมผ้าทอคาราวาน 1 ผืน (รับของได้ที่หน้างาน) นิสิตนักศึกษาลด 10% รายได้ส่วนทุนสมทบกองทุน โลกร้อน คนละลาย เพื่อนำไปช่วยรณรงค์สิ่งแวดล้อมด้านป่าชายเลน สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiticketmajor.com โทร.0-2262-3456, 0-2573-2824, 0-2984-5129

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook