หลากสีสัน-หลอมรวมบทเพลง จากเหล่าศิลปินในพิธีปิดโอลิมปิก 2008 | Sanook Music

หลากสีสัน-หลอมรวมบทเพลง จากเหล่าศิลปินในพิธีปิดโอลิมปิก 2008

หลากสีสัน-หลอมรวมบทเพลง จากเหล่าศิลปินในพิธีปิดโอลิมปิก 2008
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


นาทีนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า มหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 หรือ ปักกิ่งเกมส์ ประสบความสำเร็จอย่างสูงในหลากหลายด้าน รวมถึงพิธีการทั้งในพิธีเปิด และพิธีปิดการแข่งขัน ในสนามกีฬาแห่งชาติกรุงปักกิ่ง ที่ติดตา ตรึงใจ และน่าจะประทับอยู่ในความทรงจำของผู้ชมทั่วโลก ตามเจตนารมณ์ที่ทางคณะกรรมการและฝ่ายจัดการมุ่งหวังไว้

โอลิมปิกฤดูร้อน 2008 เปิดฉากขึ้นด้วยฤกษ์มงคลตามความเชื่อของชาวจีน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2008 จนกระทั่งถึงวันสุดท้าย 24 สิงหาคม เป็น 16 วันที่ตรึงสายตาทุกคู่ให้จดจ่ออยู่กับพิธีปิดการแข่งขันกีฬาที่ทั่วโลกจับตามากที่สุด หลังจากที่ ปักกิ่งเกมส์ ทำให้ทุกคนได้ทึ่งกับพิธีเปิดที่สมบูรณ์แบบจากการหลอมวัฒนธรรมตะวันตกและตะวันออกรวมกันได้อย่างน่าทึ่ง



ผ่านไป 16 วัน สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง หรือ สนามรังนก (Bird's Nest) กลับมาสร้างความวิจิตรอลังการประจักษ์แก่สายตาชาวโลกอีกครั้งในพิธีปิดการแข่งขัน ภายใต้การควบคุมของ จาง อี้โหมว ยอดผู้กำกับภาพยนตร์มือทองชาวจีนที่ฝากความประทับใจในพิธีเปิดให้โลกได้ฮือฮากันไปแล้ว

ไฮไลท์สำคัญของพิธีปิดการแข่งขัน คือการส่งมอบธงโอลิมปิกให้กับเจ้าภาพครั้งต่อไป และสำหรับโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 30 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงลอนดอน ก็มีการแสดงเฉลิมฉลองที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน

ภายหลังพิธีเชิญธงโอลิมปิกสากล และธงจากชาติเจ้าภาพขึ้นสู่ยอดเสา เพลงชาติแห่งสหราชอาณาจักร God Save The Queen ก็บรรเลงขึ้น และเมื่อธงโอลิมปิกถูกส่งมอบให้กับเทศมนตรีกรุงลอนดอน บอริส จอห์นสัน เพื่อโบกสะบัด สัญญาณแห่งการเป็นตัวแทน และภาระสำคัญในฐานะเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งต่อไปในปี 2012 จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีนั้น



ซึ่งทางเจ้าภาพครั้งต่อไป ได้เตรียมการแสดงความยาว 8 นาที ที่เปิดตัวด้วยกราฟฟิคแอนิเมชั่น จำลองไลฟ์สไตล์ของชาวลอนดอน ผ่านสถานที่สำคัญๆ โดยรถบัสสีแดง 2 ชั้น (double decker) พาไปสัมผัสกับสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่อยู่คู่มหานครลอนดอน ทั้ง หอนาฬิกาบิ๊กเบน, สวนสาธารณะไฮด์ปาร์ค, พระราชวังบัคกิ้งแฮม โดยมีกลุ่มคนรุ่นใหม่แต่งกายสดใสทั้งแบบพังค์ร็อค แบบสตรีทแวร์ และอีกมากมาย เป็นสีสันที่ตัดกันอย่างสุดขั้วกับมหานครปักกิ่งที่น่าเกรงขาม ก่อนที่ขบวนพาเหรดของจริงจะเคลื่อนสู่สนาม โดยรถประจำทางที่พอจะคาดเดาได้ว่าน่าจะมีบุคคลสำคัญของโชว์ชุดนี้ออกมาปรากฏตัว

จากเพลงมาร์ชสวนสนามจากช่วงเริ่มต้น เปลี่ยนเป็นเสียงดนตรีร็อคแอนด์โรลที่ดังขึ้นโดย 2 ศิลปินจากชาติเจ้าภาพครั้งต่อไป หนึ่งคือสาวเสียงดี คลื่นลูกใหม่มาแรงในวงการดนตรีอังกฤษ เลโอนา ลูอิส กับอีกหนึ่งตำนานกีตาร์ผู้เกรียงไกรจากวง เล็ด เซปเปลิน อย่าง จิมมี่ เพจ กับโชว์ที่ดุดันในเพลง Whole Lotta Love ไล่เลี่ยกันกับการปรากฏโฉมของ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่ง "ตัวจริง" ของอังกฤษ ที่ออกมาปรากฏตัวในช่วงสั้นๆ ของการแสดง

หากจะเปรียบได้กับการเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอังกฤษ การแสดงชุดนี้ก็ส่งสัญญาณให้โลกได้ทราบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ไฟโอลิมปิกที่จะโชติช่วงขึ้นที่ เวมบลีย์ อารีน่า ในอีก 4 ปีข้างหน้า จะสร้างความตื่นตาในแบบฉบับตะวันตกให้ชาวโลกได้จดจำไม่แพ้กัน

หลังโชว์จากสหราชอาณาจักรผ่านพ้นไป ไฟในกระถางคบเพลิงก็ค่อยๆ มอดดับลงพร้อมกับช่วงบันทึกความทรงจำ เป็นอีกครั้งที่คณะนักแสดงจากจีนนับพันชีวิต สร้างความฮือฮา โดยเฉพาะในชุดที่ชื่อว่า Memory Tower ซึ่งทุกคนจะต้องประสานร่างกายให้พร้อมเพรียงกัน ไปจนถึงโชว์รูปดอกเก๊กฮวยบนพิ้นสีแดงเพลิง ร้อนแรง น่าเกรงขาม และสง่างามตามแบบตะวันออก

พลุไฟนับร้อยถูกจุดสว่างไสวไปทั่วทั้งกรุงปักกิ่งอีกครั้ง เพื่อเป็นสัญญาณว่า โชว์คาร์นิวาลส่งท้าย กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เพื่อให้เป็นการจากลาอย่างชื่นมื่น และน่าประทับใจสมกับที่ทางการจีนได้เตรียมการไว้ตั้งแต่ 4 ปีก่อน พร้อมจุดมุ่งหมายที่อยากจะเปิดประตูประเทศจีนสมัยใหม่ สู่สายตาอนารยชนชาวโลก



บทเพลง Beijing, Beijing, I Love Beijing เป็นตัวแทนของคนเอเชียรุ่นใหม่ ผ่านการนำเสนอของป๊อปสตาร์ชื่อดังจากทั่วเอเชีย ทั้ง หวัง ลี ฮอม จากไต้หวัน, เคลลี่ เฉิน จาก ฮ่องกง, เรน หรือ จยอง จี ฮุน จากเกาหลี ผสานกับจังหวะดนตรีปลุกเร้าแบบเอเชี่ยน สไตล์ ก็สร้างความประทับใจได้ไม่แพ้โชว์จากฝั่งตะวันตกใดๆ ในขณะที่โชว์ขับร้องบทเพลง โซปราโน ของคณะประสานเสียงในเพลง The Moon is Bright Tonight ก็สง่างามยิ่ง ทั้งยังได้รับเกียรติจากหนึ่งในทีมโซปราโน่ The 3 tenors อย่าง พลาซิโด โดมิงโก้ นักร้องโอเปร่าชาวสเปนผู้ยิ่งใหญ่ กับนักร้องสาวที่กันว่ามีคุณภาพที่สุดในเวลานี้ของจีน ซอง จูหยิง ในเพลง The Flame of Love เพลงตัวแทนสองวัฒนธรรมที่ประพันธ์โดย หลิวเหนียน และ คลอส บาเดลท์ พิธีปิดการแข่งขันในครั้งนี้จึงเรียกได้ว่า ทั้งทรงคุณค่าในแง่ของวัฒนธรรม และสร้างภาพจำให้กีฬาโอลิมปิก ไม่เป็นเพียงแค่สปิริตของการแข่งขันให้ได้มาซึ่งชัยชนะแต่เพียงอย่างเดียว ดังเช่นที่หลายคนเคยคุ้นกันมา ซึ่งการขับร้องบทเพลงจากนักร้องโอเปร่าที่เคยตราตรึงใจที่สุดก่อนหน้านี้ คือการขับร้องในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 25 ในปี 1992 ที่เมืองบาร์เซโลน่า ในบทเพลง Barcelona ที่ขับร้องโดย เฟรดดี้ เมอร์คิวรี่ และ มองเซอร์ราท์ คาบาเลต์ ที่กลายเป็นแม่แบบของบทเพลงประกอบมหกรรมกีฬาสากลจนถึงทุกวันนี้

  • One World One Dream โลกที่หลอมเป็นหนึ่งเดียวของ หวัง ลี ฮอม


  • นอกจากโอลิมปิก 2008 จะชูคอนเซปท์ One World One Dream หรือ ความฝันที่เป็นหนึ่งเดียวของมวลมนุษยชาติ คำว่า One World One Dream ก็ยังกลายเป็นบทเพลงธีมประจำการแข่งขันในครั้งนี้ จากปลายปากกาของ หวัง ลี ฮอม สตาร์ชาวไต้หวันที่บอกว่า เขาใช้หัวใจแต่งเพลงนี้ด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจยิ่ง เพราะเป็น 1 ใน 30 เพลงที่ได้รับการคัดเลือกให้ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค บวกกับความถูมิใจอีกสิ่งหนึ่งในฐานะตัวแทนวิ่งคบเพลิงที่เขาได้เข้าร่วมไปก่อนหน้านี้

    แม้เสียงเพลง One World One Dream ของ หวัง ลี ฮอม จะไม่ได้ดังกึกก้องทั่วนครปักกิ่งและสนามกีฬารังนกในพิธีปิดการแข่งขัน แต่ช่วงเวลานาทีที่เสียงเพลง Beijing, Beijing, I Love Beijing (Wo Ai Beijing) กระหึ่มขึ้นนั้น ความสุขความทรงจำทั้งหลายตลอด 16 วันของทัพนักกีฬาและชาวโลก คงต้องจดจำมหานครใหญ่ ที่ตื่นจากหลับใหล ผงาดขึ้นเป็นมังกรแห่งเอเชีย ที่ไม่เพียงแต่สร้างสรรค์สถาปัตยกรรมและวิวัฒนาการอันน่าทึ่งเท่านั้น

    แต่ยังสร้างรอยยิ้มที่อิ่มสุข อย่างที่ชาวโลกไม่คาดคิดว่าจะได้จากพญามังกรผู้เกรียงไกร ผู้ผูกมิตรไมตรีแห่งวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกันอย่างเต็มภาคภูมิ....ตลอดไป

    เนื้อหาข่าว โดย

    อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

    อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ หลากสีสัน-หลอมรวมบทเพลง จากเหล่าศิลปินในพิธีปิดโอลิมปิก 2008

    แชร์เรื่องนี้
    แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook