ฝันบนความเป็นจริง ของ Slot Machine | Sanook Music

ฝันบนความเป็นจริง ของ Slot Machine

ฝันบนความเป็นจริง ของ Slot Machine
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook



8 ก.ค. 2551 : 13.30 น.



บนถ. วิภาวดีรังสิต เรากำลังจะมุ่งหน้าไปพระราม 4 เนื่องจากวันนี้เรามีนัดกับเด็กผู้ชาย 4 คน....ซึ่งหากเทียบกับแฟนเพลงกลุ่มเป้าหมายของเขา ผู้ชายทั้ง 4 คนนี้ก็คงไม่ใช่เด็กอีกต่อไป อย่างน้อยก็ในวันนี้...วันที่สมาชิกแต่ละคนเรียนจบระดับปริญญาตรีกันแล้วทั้งสิ้น



ฝนเจ้ากรรมตกลงมาโครมใหญ่ในระหว่างที่เรากำลังใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนิดก่อนจะถึงเวลานัดคุยกับพวกเขา แวะหาข้าวเที่ยงใส่ท้องเติมพลังให้ตัวเองอยู่แถวๆ สีลม ด้วยระบบขนส่งมวลชนทางเลือกของกรุงเทพมหานคร ทำให้เราพาตัวเองจากถ.วิภาวดีมาถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน อันมีจุดเริ่มต้นจากพหลโยธิน ใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็ได้ขึ้นมาวิ่งฝ่าเม็ดฝนบนถนนสีลม ซึ่งก็ยังดีกว่าเสียเวลาอ้อมขึ้นทางด่วน....ยุคนี้น้ำมันแพงนี่นะ ยังพอมีเวลาให้ตัวเองนิดหน่อยก่อนจะตั้งต้นการทำงานระหว่างพวกเขา และเรา ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสีลมแห่งนี้



15.10 น.



อีกราวๆ 20 นาที เราก็พาตัวเองมาถึงที่นัดพบกับพวกเขาอย่างทุลักทุเลเล็กน้อย การพูดคุยครั้งนี้จะเป็นอย่างไร เราก็ไม่ได้คาดหวังเอาไว้ล่วงหน้า รู้แต่เพียงว่า วันนี้ เราก็น่าจะได้แง่มุมดีๆ จากพวกเขากลับออกไปบ้างเหมือนกัน



สล็อต แมชชีน (Slot Machine) ในวันนี้แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากวันแรกที่เปิดเผยตัวเองในฐานะวงร็อคสัญชาติไทยของ โซนี่ บีเอ็มจี เมื่อปี 2547 กับอัลบั้มที่มีชื่อเดียวกับวง อาจจะมีต่างไปเพียงแค่ตำแหน่งของมือกลองที่ก้าวเข้ามาเสริมแทนที่คนเก่า แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้ง 4 คนก็ดูกลมกลืนกันอยู่ดี ไม่ว่าจะจับพวกเขาให้อยู่ในคอนเซปท์ใดก็ตาม



ยังตื่นเต้นอยู่มั้ย .... เรายิงคำถามกึ่งทักทายไปยังพวกเขาทันทีที่แต่ละคนนั่งประจำเก้าอี้ของตัว



"ตื่นเต้นครับ ยังรู้สึกเหมือนครั้งแรกอยู่เลย" เฟิร์ส... นักร้องนำเจ้าของเอกลักษณ์หนวดงามเป็นคนแรกที่เอ่ย



"เราไม่รู้ว่าทำไม แต่ความตื่นเต้นแบบนั้นมันเหมือนเป็นมนต์สะกดให้พวกเราทำงานจนถึงทุกวันนี้ เราไปทำอย่างอื่น มันก็ไม่มีความรู้สึกแบบนี้"



ในขณะที่ วิทย์- เจนวิทย์ จันทร์ปัญญาวงศ์ มือกีตาร์ผมฟูสุดฮิป ขอเรียกคำจำกัดความในแบบของตัวเองว่า "นี่คือช่วงเวลาเสพสุข"



มันย่อมมีอะไรที่มากกว่าความสนุก และมากกว่าความรู้สึกว่านี่คือการทำงาน หากพวกเขายอมรับว่านี่แหละ คือความสุข



"เราโตขึ้น เราทำเพลง แต่งเพลงเองได้ คุยกันรู้เรื่องมากขึ้น ไม่ต้องทะเลาะขัดแย้งกัน ความจริงเราก็ยังทำงานภายใต้การดูแลของโปรดิวเซอร์ แต่จากช่วงแรกๆ เราก็ยังมองว่าเรายังเป็นเด็กมากๆ มาถึงชุดที่ 2 โซนี่ก็เริ่มเปิดโอกาสให้ทำเอง พอมาถึงชุดนี้ มันก็เพิ่มมากขึ้นไปอีก รวมถึงเรื่องของอาร์ตเวิร์คที่เรามีส่วนด้วย"



ส่วนสำคัญที่สุดที่เพิ่มเข้ามา "มากขึ้น" คงเป็นในเรื่องของการตัดสินใจที่พวกเขาไม่ต้องมีใครมาตีกรอบ ในฐานะของโค-โปรดิวเซอร์ 4 เสียง พวกเขาไม่ได้มีบทบาทเพียงแค่นั้น พูดง่ายๆ คือพวกเขาเป็นประชาธิปไตยเต็มขั้น หากใครคนใดคนหนึ่งจะออกความเห็นทั้งในทางเดียวกัน หรือต่างกัน



นอกจากเรื่องของการทำดนตรี มีคนฟังอีกไม่น้อยที่ยังอยากรู้ว่า ทำไมสล็อต แมชชีน ต้องแต่งตัวแบบนี้ เสื้อผ้า หน้า ผม ต้องมีดีไซน์ มีคอนเซปท์เสมอไป พวกเขาต้องทำอะไรมากถึงขนาดนั้นเชียวหรือ ??



"เรื่องเสื้อผ้ามันก็ไม่ใช่ว่าจะตั้งใจหรืออะไร เราเป็นแบบนี้ ชอบแบบนี้ ก็อยากจะนำเสนอออกไปแบบนี้ว่านี่แหละ คือตัวเรา นี่คือพวกเรา จะไปไหนมาไหนก็ใส่ จะขึ้นเวทีก็ใส่" (คงใช่ เพราะแทบไม่ค่อยเห็นเฟิร์สกับเสื้อยืดกางเกงยีนส์ตามงานต่างๆ)



ในขณะที่หนุ่มวิทย์ ก็สมทบว่า ภาพลักษณ์ของสล็อต แมชชีน ไม่มีอะไรจะปกติได้มากกว่านี้แล้ว



"อย่างทรงผมของผมก็ไม่ได้ทำอะไร ตื่นมาก็เป็นแบบนี้ (ว่าพลางสะบัดผมฟูๆ โชว์ให้ดูจะๆ) เอาความสะดวกมากกว่า แก๊กก็เป็นแบบนี้ (เฟิร์สเสริมว่า) ผมกับแก๊ก จะตัดผมกันเอง ทีนี้เผอิญว่าอ็อตโต้เขาเป็นคนผมเส้นเล็ก ก็เลยต้องตัดให้มันเข้าทรง ให้มันเป็นผู้เป็นคนหน่อย (หัวเราะ)



ทุกอย่างมันต้องเริ่มมากจากข้างในของเราก่อน ถ้าเรามั่นใจในสิ่งที่ทำ จะใส่อะไรยังไงมันก็คงไม่ใช่สาระ กลับกันถ้าเราไปยืนแหยงๆ อยู่บนเวที ภาพพจน์มันจะออกมายังไงก็มีแต่ความรู้สึกขัดๆ อยู่แล้วล่ะ"




แต่คนก็ติดตากับภาพลักษณ์ตรงนี้ของเรา.... "ใช่ นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้มาวางคอสตูมอะไรให้เรา เขาแค่บอกว่า อยากทำอะไรก็ทำ (หัวเราะ) ก็จะมีแค่บรีฟนิดนึงว่า วันนี้จะไปงาน ประมาณนี้ๆๆ มีผู้ใหญ่นะ ก็ดูตามกาลเทศะ"



แม้จะดูโอภาปราศรัยในหลายๆ เรื่อง แต่ 4 หนุ่มก็ยอมรับว่า ข้อเสียอย่างยิ่งยวดข้อหนึ่งของสล็อต แมชชีน คือเรื่องของวินัยและความตรงต่อเวลา....หริอว่าพวกเขาพอใจที่จะปฏิเสธการใช้ชีวิตในกรอบเวลาแบบรูทีน ??



วิทย์ ขอชิงตอบคำถามนี้จากประสบการณ์ที่ตัวเองได้เจอมาว่า "งานเพลงนี่แหละครับคืองานประจำของเรา ตอนผมเรียนม.ปลาย จำได้ว่าเคยเข้าไปบอกแม่ว่าอยากจะเรียนกีตาร์ แต่แม่เขาอยากให้เรียนพวกนิติศาสตร์ อยากให้ลูกเป็นผู้พิพากษา เป็นหมอเป็นอะไรอย่างที่แม่ๆ เขาอยากให้เป็น พอมาถึงวันนี้ มาเป็นแบบนี้ ผมก็เข้าไปถามแม่อีกทีว่า ยังอยากให้ลูกเป็นหมออยู่หรือเปล่า เขาก็ว่า จะไปเป็นทำไม รับผิดชอบชีวิตคนไหวเหรอ (หัวเราะสนุก) มันก็คือมุมมองของผู้ใหญ่ที่เขาเปลี่ยนไป เราทำอะไรให้ถึงที่สุดผมว่าตรงนี้เขาก็โอเคแล้วนะ สังคมปัจจุบันนี้มันไม่มีอะไรแน่นอนแล้ว ถ้าทำแล้วมันได้ดีก็ทำไปเถอะ มองโลกในแง่ดี คิดง่ายๆ เข้าไว้"



ในขณะที่เฟิร์ส ขอมองต่างมุมออกไปว่า "ไม่ใช่ว่าเราต้องทำชีวิตให้มันเครียด เพียงแต่เราต้องซีเรียสกับมัน เราไม่รู้ว่าต่อไปงานตรงนี้มันจะยังเป็นงานประจำหรือเป็นแค่งานอดิเรก ตอนนี้มันอาจจะยังเป็นแค่งานสนองตัณหาของเรายู่ ถ้าถึงวันหนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราก็คงต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำ"






ความสุขกับชีวิตและงานที่ทำ สะท้อนออกมาเป็นความสำเร็จของอัลบั้มชุดที่ 2 ของพวกเขา หลังจากที่เพลง ผ่าน ดังสุดขีดจนส่งผลให้พวกเขาซิวรางวัลเพลงยอดเยี่ยม Seed Song of The Year แม้ว่าตัวอัลบั้ม Mutationจะทำได้เต็มที่เพียงแค่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากหลายเวที ทั้ง Seed Awards, Music Express Awards หรือเวที สีสัน อวอร์ดส ในปี 2549 บางทีรางวัลอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จสำหรับบางคนที่ซีเรียสกับยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาด แต่สำหรับพวกเขาแล้ว รางวัลเดียวในนามสล็อต แมชชีน ที่ได้รับ มันก็ยังคงเป็นเรื่องเหลือเชื่อ และมาไกลเกินกว่าจะคาดคิด



"เราไม่ได้กดดันเลยกับรางวัลหรืออะไรก็ตามที่ได้รับ ตราบใดที่เรายังมีความสุข ยังมีกำลังใจ ยังรักที่จะทำมันต่อไปเรื่อยๆ รางวัลหรืออะไรก็ตามนอกเหนือจากนั้นมันคือเรื่องภายนอกที่คนอื่นเขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินเราอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่คนอื่นเขามอบให้เรามากกว่าที่เราอยากจะได้"



จากวันที่ได้เอื้อมหยิบความสำเร็จจนถึงวันนี้ สล็อต แมชชีน หายหน้าไปนานถึง 2 ปี ใครบางคนในวงถูกความรักเล่นงาน และพอจะมีเวลาว่างเป็นของตัวเองในช่วงสั้นๆ แต่พวกเขายืนยันว่าแท้จริงแล้ว สล็อต แมชชีน ไม่เคยหายหน้าไปไหน เพราะเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการออกทัวร์คอนเสิร์ตที่มีคิวงานเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ตลอดทั้งปี ...มันเป็นงานที่ เฟิร์ส บอกว่า นี่แหละคืองานรูทีนของเขา!



"เรามีงานตลอดทั้งปีครับ ทั่วประเทศเลย โผล่ไปที่นู่นที่นี่บ้าง ก็ต้องขอบคุณพี่หนุ่ม โซนี่ ที่กลัวเราจะมีงานน้อย ก็เลยหางานมาให้เราตลอด (หัวเราะ)



จริงๆ แล้วงานทุกงานมันก็มีรูทีนของมัน อยู่ที่ว่าเราจะปรับมาใช้กับชีวิตเรายังไง งานศิลปินก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีรูทีน คนอาจจะมองว่างานอย่างพวกเราคืองานสบาย เพื่อนเรียนหมอปี 6 อยู่ ก็แอบมาบ่นๆ กับเรา งั้นก็อย่าไปทำสิ ถ้างานไม่สบาย (หัวเราะ) งานศิลปินไม่ใช่งานที่สบายเลย บางวันทำงานจนมันน็อคไปถึงอีกวัน บางวันทำงาน 18 ชั่วโมง และเราก็ไม่ได้โอทีเหมือนคนอื่น แต่ผมมีจุดหนึ่งที่มองว่าผมไม่ได้เจอกับความต่าง อยู่บ้านผมก็เล่นกีตาร์ ออกมาทำงานก็เล่นกีตาร์ ก็เลยยังมีความสุขกับตรงนี้"




และงานรูทีนของเฟิร์ส ก็ทำให้เกิดเรื่องจี้เส้นที่น่าประทับใจตามมา



"บางงานไปถึงปุ๊บมีหมูยอมารอรับอยู่หน้าผับ บางงานจี้มาก เป็นลานโล่งๆ แล้วเขาคงไม่ได้โปรโมทหรือไงไม่ทราบ ปรากฏว่ามีคนมาดูอยู่แค่ 7 คน ขอไม่บอกละกันเดี๋ยวเจ้าของงานเขาจะรู้ (หัวเราะ) ก็ใจแป้วแล้ว แต่ตั้งสติ โอเควะ มันส์กันเองก็ได้ เสร็จปุ๊บมีแก๊งเวสป้ามาจอดกลางงาน ถอดหมวกกันน็อค โยกกันตรงนั้นเลย (หัวเราะ) แต่มันสนุกมาก ถ้าไม่ได้มองฉากหลัง มันรู้สึกเหมือนห้องเล็กๆ ที่เราอยู่กับเขา"



"ถ้ามีคนดู 7 คน แต่มันส์เท่ากับคนดูเป็นหมื่น ผมว่ามันก็มันส์ได้เท่ากัน"



"เราก็เป็นวงหนึ่งที่เคยมีประสบการณ์มาตั้งแต่ยังเป็นวงนักเรียน มาจนถึงตอนนี้ก็โอเค มีคนคอย set up ให้ แต่เวลาขึ้นเวทีไปแล้วได้ยินเสียงของตัวเอง มันคือความสุข อย่างเมื่อวานหมาดๆ เลย ไปเล่นที่โรงเรียนนึง จะมีเด็กม.ปลาย อารมณ์นักเรียน รด. แล้วมีเด็กๆ อนุบาลอยู่อีกฝั่งนึง มันทำให้ผมรู้สึกว่ากลับไปอยู่ม.ปลาย ได้เล่นหน้าเสาธงอีกครั้ง (ข้างหลังยังเป็นเสาธงชาติอยู่เลย-- เฟิร์ส เสริม) เราจะเข้าใจอารมณ์เด็กๆ วิ่งเข้ามาขอกอดอ่ะ แบบ พี่ขอกอดหน่อย ผมถึงได้บอกว่านี่แหละคือที่เราใช้ชีวิตแบบเสพสุข" (นึกว่าตัวเองเป็นดงบังชินกิ--- แก๊ก หยอดฮา)



ทุกเม็ด ทุกเรื่อง ที่พวกเขาเล่า บ่งชัดว่าพวกเขามีความสุขจากคำพูดคำจาที่สื่อออกมาถ้าเรายิองคำถามเกี่ยวกับงานเพลง จนเราเปรยๆ ออกไปว่า พวกเขาดูเป็นวงดนตรีที่มองโลกในแง่ดี แต่ เฟิร์ส ออกตัวว่าเขาเองก็ไม่ได้มีมุมมองชีวิตที่แสนดีแบบนั้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่สะท้อนออกมาเต็มๆ ในทุกเพลงที่เขาเขียนเนื้อร้อง...เป็นเนื้อร้องที่ใครๆ บอกว่า มีความตั้งใจในการเลือกใช้ถ้อยคำพอตัวทีเดียว



"สำหรับผมก่อนที่จะมองอะไรในแง่ดี จะต้องมองด้านลบของมันก่อน บางครั้งถ้าเราอยู่ในความมืดเราอาจจะมองเห็นแสงสว่างได้ชัดเจนกว่า โดยหลักแล้วก็จะช่วยๆ กัน อย่างพี่วิทย์ แก๊ก พี่อ๊อตโต้ เขาก็มีมุมมองของเขา แต่อาจจะคิดออกมาเป็นภาษาภาพได้ไม่ชัด ผมก็อาศัยวิชาศิลปะที่เรียนมาช่วยบ้าง ผมกับแก๊กค่อนข้างโชคดีตรงที่ เราเจอโจทย์ยากๆ พวกคำพูดดูถูกเหยียดหยามบ้าง ไม่มีเงินบ้าง มันก็เป็นกำไรที่เอามาใช้เวลาเขียนเพลงได้



เรื่องการใช้ภาษา มันเป็นอิทธิพลจากสิ่งรอบๆ ตัว เราเห็นคนชอบอีโม คนชอบเกาหลี เราก็เกิดความคิดในแง่ลบว่า ทำไมเราเป็นคนไทย แต่เราไม่ภูมิใจในภาษาของเรา ทีนี้เราก็ย้อนกลับไปมอง ทำไมเพลงลูกกรุง เพลงสุนทราภรณ์ เพลงยุค 80's ทำไมมันยังไม่ตาย ก็ได้คำตอบว่าเป็นเพราะภาษาของมัน ภาษาเพลงพวกนั้นมีความเพราะมาก ก็เลยเอามาประยุกต์ว่าจะใช้แบบไหน วรรณยุกต์ยังไง คำไทยมันต่างจากภาษาอังกฤษตรงที่ว่าจะพูดเรื่องนี้ก็ต้องใช้เฉพาะคำนี้เท่านั้น มันก็เลยเป็นความสนุกที่ได้ทำ"




"ถ้าเราจะเอาความเป็นต่างประเทศ เอาอีโม เอาเกาหลีมาเป็นที่ตั้ง เราก็คงไม่มีทางเป็นผู้นำได้หรอกเพราะเราเดินตามเขาอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราเอาสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่แล้วมาทำ มันก็คือความภูมิใจของเรา"



เฟิร์ส แจกแจงถึงอัลบั้ม Grey งานชุดที่ 3 ของเขาและเพื่อนๆ ว่า มีสิ่งหนึ่งในอัลบั้มนี้ที่เป็นเหมือนงานมาสเตอร์พีซชิ้นใหม่ คือเพลง ฤดู ที่วางอยู่บนพื้นฐานของความอิสระไร้เกฏเกณฑ์ ไม่วางตัวอยู่ในกรอบของการทำเพลงที่ต้องมีฮุคหรือเวิร์สบังคับ และเล่นไปตามฟีลที่มีขึ้นลง สวิงสวาย และมีบรรยากาศที่สุดในอัลบั้ม ซึ่งเชื่อว่าเขาคงได้มีโอกาสนำเสนอให้หลายๆ คนได้ฟังมากขึ้นนับจากนี้



16.30 น.



ฝนหยุดตกแล้ว พอๆ กับที่แสงแดดบ่ายเข้ามาแทนที่ เราเสร็จการพูดคุยกับพวกเขาในวันนั้นแบบได้อะไรกลับมาไม่น้อยทีเดียว ความข้องใจในบุคลิกและท่าทีที่มีต่อพวกเขาหายไป เหลือแต่เพียงการรอคอยว่าเมื่อไหร่ จะถึงเวลาที่พวกเขาจะขึ้นไปแชร์ความสุขอีกครั้ง ในฐานะคนดนตรีที่แจกจ่ายความสุขให้คนฟัง บนความสุขที่ยังอยากจะเล่นดนตรีไปเรื่อยๆ



คุยกับพวกเขาแล้วรับรองไม่มีคำว่าอึมครึม...เราขอเอาบรรยากาศในตอนนี้เป็นประกัน



คลิกชม MV เพลง ฝัน ซิงเกิ้ลแรกจาก Slot Matchine กันเลย



การเกต ทิพทวี : เรื่อง/ ภาพ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook