คนใจง่าย แบบ ไอซ์- ศรัณยู | Sanook Music

คนใจง่าย แบบ ไอซ์- ศรัณยู

คนใจง่าย แบบ ไอซ์- ศรัณยู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook



โกอินเตอร์ คำนี้เราคุ้นเคยกันแล้วจากศิลปินหลายๆ คนที่ออกไปรวมงานกับต่างประเทศ และหนุ่มคนนี้ก็เป็นอีกคนที่สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยอย่างมาก เขาคือ ไอซ์ ศรัญยู วินัยพานิช นักร้องคุณภาพอีกคนที่ไปออกอัลบั้มประเทศญี่ปุ่น และนอกเหนือจากงานแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีแนวคิดดีๆ ที่เขาบอกว่าเขารู้แล้วกับว่า ขาลง ซึ่งก็เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไม ไอซ์ ถึงคิดอย่างนั้น เอาเป็นว่าเราไปคุยกับไอซ์ กันเลยดีกว่า



“ไอซ์เข้าวงการมาแล้ว 5 ปีครับ และทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ มีบางช่วงดีจนรู้สึกว่าดีที่สุดในชีวิตแล้ว และก็มีบางช่วงเหมือนกันที่เรารู้สึกว่าเรากำลังจะหมดแล้ว”



ช่วงที่ดีที่สุดเป็นยังไง



“ช่วงที่เพลง คนใจง่าย ดังมากๆ แล้วก็ได้ไปทำงานที่ญี่ปุ่น ถึงแม้การไปทำงานที่ญี่ปุ่นมันจะไม่เปรี้ยงมากนัก เหมือนเราเป็นนักร้องต่างประเทศเข้าไป แต่สำหรับเรามันเหมือนกับว่าสูงสุดในชีวิตแล้วละ ใครจะคิดว่าคำว่า โกอินเตอร์ ที่เพื่อนๆ เคยล้อกันเล่น มันจะเกิดขึ้นกับเราจริงๆ ถึงแม้จะเป็นการโกอินเตอร์ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ แต่ก็ถือว่าสูงสุดแล้วกับชีวิตช่วงนั้น”



แล้วช่วงที่รู้สึกตกล่ะ เป็นช่วงไหน



“มันเป็นบางช่วงที่เพลงออกมาแล้วไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไร มันทำให้เรารู้สึกคนเรามันมีช่วงดัง แล้วมันก็ต้องมีช่วงลง เราไม่สามารถคาดหวังได้ว่าเราดังอยู่แล้วมันก็จะต้องดังได้อีก คิดอย่างนั้นไม่ได้ อย่างเราเคยมีเพลงที่ดังมาก ๆพูดไปเหมือนขี้คุย แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่ออก คนมันรัก หลังจากเพลงนั้นไม่มีเพลงไหนที่ปล่อยออกมาแล้วไม่ทำเงิน อย่างเพลง คนใจง่าย ออกมาตอนนั้นดังมาก แต่หลังจากปล่อยเพลง คนวางฟอร์ม ออกมา แล้วไม่ติดหูคนฟัง คือเพลงนี้เป็นเพลงที่ทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังจะตกแล้ว เรากำลังจะไปแล้ว เริ่มกังวล จากตรงนั้นมันทำให้เราเรียนรู้ว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบเตรียมพร้อมที่จะตกตลอดเวลา เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียใจ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดีๆ เอาไว้ รู้แล้วว่าชีวิตมันมีขึ้น แล้วก็ต้องมีลง”



แสดงว่าตอนนี้พร้อมรับกับชีวิตช่วงขาลงไว้แล้ว



“ครับ ช่วงหนึ่งที่ ไอซ์ ทำเฉพาะงานจ้าง เดือนหนึ่ง 25-26 งาน อยู่ช่วงหนึ่ง และอยู่ประมาณครึ่งปีที่ไอซ์ทำงานหนึ่งเดือนได้หยุดหนึ่งวัน มันเป็นช่วงที่ไอซ์แบบทำ ทำ ทำ จากเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นแหละครับ มันเป็นคำที่อยู่ในใจตลอดเวลา



และไอซ์คิดไว้ว่าถ้าออกอัลบั้มแล้วมันไม่ประสบความสำเร็จจะลองอีกที และถ้ามันไม่ประสบความสำเร็จอีก ก็จะไม่ทำแล้ว ไอซ์อยากจากวงการนี้ไปแบบให้คนรู้สึกว่า มันยังไปได้อยู่นะ แต่มันเลือกที่จะพักงานตรงนี้ มากกว่าที่จะให้เขาพูดว่ามันออกจากวงการนี้เพราะว่ามันไม่มีอะไรที่จะทำแล้ว และยอมรับทุกอย่างเพื่อที่จะจากไป”



แล้วถ้าไม่ได้เป็นนักร้องแล้ว ไอซ์แปลนไว้อยากทำอะไรล่ะ



“ก็แปลนไว้อยากทำธุรกิจ ไอซ์มองไว้อยากทำ โรงงานน้ำดื่ม แต่ไม่ใช่โรงงานน้ำดื่มไฮโซ แต่แบบมีโลโก้ของเรา อาจจะเป็นน้ำดื่มแบบท้องถิ่น ไอซ์ออกแบบของไอซ์ไว้แล้วว่าถ้าวันนั้นมาถึงเราจะยังดำรงชีวิตของเราได้อย่างสบายๆ กับธุรกิจของเราที่บอก โดยที่ไม่ต้องได้กำไรอะไรมากมาย ไอซ์ก็อยู่ได้ครับ”



ดูเป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิตนะ



“ก็นิดหนึ่งครับ แต่จริงๆ ไอซ์ก็มีหลายมุม เวลาที่เราอยู่บนเวที ไอซ์คิดเสมอว่าเขามาเพื่อที่จะดูเรา เขาต้องการเสพความสุขก่อนกลับบ้าน ไอซ์จะเป็นคนที่พูดเยอะมากเวลาที่อยู่บนเวที แต่ถ้าอยู่กับเพื่อนหรืออยู่คนเดียว บางอารมณ์ก็จะนิ่ง คิด แล้วก็เขียนไอซ์จะเขียนไดอารี่ทุกวัน แต่ส่วนหนึ่งที่ไม่ทำให้เครียดมากเพราะว่าไอซ์โทรคุยกับพ่อ กับแม่ทุกวัน”



มาถึงวันนี้เรียก ไอซ์ ว่าซูเปอร์สตาร์ได้แล้วหรือยัง



“ยังครับ ยังอีกไกลมาก เพราะคำว่าซูเปอร์สตาร์สำหรับไอซ์ ต้องเป็นคนที่ครบเครื่องจริงๆ และได้รับการยอมรับในวงกว้างมากๆจากคนทั้งประเทศ และต้องเป็นที่รู้จักของคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ ถ้าหมู่นักร้อง คนที่เป็นซูเปอร์สตาร์ได้ ต้องเป็นคนที่ร้องเพลงดี คนที่เอนเตอร์เทนเก่ง คือต้องเพียบพร้อม ซึ่งไอซ์ยังห่างไกลมากจริงๆ ไอซ์ยังมีหลายอย่างที่ยังต้องพัฒนา ไอซ์ยังทำอะไรไม่ได้ในหลายๆอย่าง แต่วันนี้ก็ไปลงเรียนกีต้าร์ ก็ไม่ได้มีใครบอก แต่รู้สึกว่าเราเป็นนักร้องจะมานั่งแต่ร้องเพลงหรือไอซ์ ควรจะรู้เรื่องดนตรีบ้างนะ”



วันนี้ สิ่งที่ไอซ์กลัวที่สุดคืออะไร



“กลัวตายครับ เพราะคิดว่าชีวิตเรายังมีพ่อแม่ที่ต้องดูแล และไม่ใช่แค่พ่อแม่ เรายังมีอะไรอีกมากที่ยังไม่ได้ทำและมองดูสังคม ไอซ์ว่าคนสมัยนี้ดูตายง่ายกันมากเลย ไม่ได้แช่งตัวเองนะ ถ้าวันหนึ่งเราออกจากบ้านไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นนะ ก็มีแอบคิดนะ รู้สึกว่ากลัวตายมากเพราะยังไม่พร้อมที่จะตาย”



แล้วที่ไอซ์อยากทำ มีอะไรอีกบ้าง



“อืม...ไอซ์อยากเที่ยวรอบโลกครับ ฝันไว้ว่าสักวันไอซ์จะเที่ยวรอบโลก แต่ที่ผ่านมาเวลามีคลื่นวิทยุติดต่อมาให้ไปก็คิดแล้ว เพราะว่ามันไปทีละก็ 9-10 วัน แต่ถ้าเราอยู่เมืองไทยเรารับงานได้หลายงาน ก็เลยไปไม่ได้สักที แต่ว่าปีนี้จะไปแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันก็ต้องเที่ยวบ้าง เพราะพ่อพูดให้คิด พ่อบอกเวลาไปต่างประเทศเนี้ย ไปแล้วไปไม่ครบ 5 คน ในครอบครัวเขาก็ไม่อยากไป ขอไปแค่พัทยาก็ได้แต่ไปให้ครบ 5 คน ที่ผ่านมาไอซ์คิดแต่ว่าทุกเวลาคือการทำงานหาเงิน แต่ตอนนี้เริ่มเปลี่ยนความคิดแล้วครับ”



ขอถามเรื่องความรักบ้าง มีเวลามองสาวบ้างไหม



“เวลาที่ให้เรามองก็มีนะครับ แต่ถามว่ามีความรักไหม ไม่มี แต่มีข่าวลือเยอะมาก ข่าวทั้งเรื่องความรัก เรื่องเพศเยอะเรื่องอะไรต่างๆ มากมาย แต่ไอซ์อยากจะบอกว่า ชีวิตไอซ์อยู่กับการทำงานซึ่งตอนนี้คิวงานเยอะมากจริงๆ ไม่พร้อมที่จะมีใครและยังไม่คิดที่จะมีใคร



ถามว่าเคยมีแฟนไหม เคยมี แต่การมีแฟนมันทำให้เราเหมือนประสาทเสียสำหรับตัวไอซ์นะ เมื่อก่อนจะเป็นแบบว่าถ้าทำงานอยู่เราจะแบบหงุดหงิดแล้ว เมื่อไรงานจะเสร็จแฟนรอ แล้วจะเป็นแบบคิดแล้ว แฟนเราทำอะไรอยู่ อยู่ที่ไหน อยู่กับใครตลอดเวลา ไอซ์ว่างานเยอะขนาดนี้ เวลาก็ไม่มีอย่างนี้อยู่คนเดียวให้สบายใจดีกว่า ตอนนี้ไอซ์คิดแต่ว่า งาน เงิน ครอบครัว”



ผู้หญิงแบบไหนที่เข้ากับไอซ์ได้



“ไม่ต้องมีอะไรมากครับ ขอแบบว่าสบายๆ เข้ากันได้คุยกันรู้เรื่อง แต่ไอซ์ยอมรับว่าไอซ์เป็นคนที่มองคนที่หน้าตา แต่เป็นเรื่องที่ปกติของมนุษย์นะผมว่า ไอซ์จะเริ่มแบบว่าหน้าตาน่ารักหรือเปล่า หลังจากนั้นเริ่มดูหุ่น แล้วค่อยดูนิสัย (หัวเราะ) แต่ว่าสเป๊กของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ”



เชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสหรือเปล่า



“ไม่เชื่อครับ รู้สึกว่าบุเพอาละวาดไม่ได้ สำหรับไอซ์นะ อย่างคนที่เขาบอกว่า อยู่ไกลกันเกินครึ่งฟ้า แต่ยังมีใจถึงกัน จริงๆ ไอซ์ว่ามันเป็นเรื่องของโอกาสและเวลามากกว่า มันเป็นเรื่องของบุเพหรือไม่ใช่มั่ง ไอซ์เป็นคนเชื่อในเรื่องของเวลาและการลงตัวมากกว่า”



คิดว่าตัวเองเป็นหนุ่มเนื้อหอมไหม



“ไม่หอมหรอกครับ ถ้าเนื้อหอมต้องมีคนจีบซิครับ ไม่เห็นมีใครเข้ามาจีบเลย (หัวเราะ)"



ถือว่า ไอซ์ เป็นนักร้องรุ่นใหม่ ที่คิดดี ทำดี พูดดี อีกคนของวงการเพลง และเราเชื่อว่าวันหนึ่งในอนาคตทุกคนจะเรียกเขาว่า ซูเปอร์สตาร์ อย่างแน่นอน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook