วอร์นเนอร์ฯ รุกตลาดเพลงไทยดึง สมอลล์รูม ร่วมแจม | Sanook Music

วอร์นเนอร์ฯ รุกตลาดเพลงไทยดึง สมอลล์รูม ร่วมแจม

วอร์นเนอร์ฯ รุกตลาดเพลงไทยดึง สมอลล์รูม ร่วมแจม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
หลังจากค่ายเพลงสากลอย่าง โซนี่ บีเอ็มจี เดินหน้าบุกตลาดเพลงไทยปีนี้ ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับค่าย เลิฟอีส ในลักษณะเลิฟอีสผลิตโปรดักชั่นส์ และให้ โซนี่ บีเอ็มจี เข้ามาดูงานด้านโปรโมชั่นไปก่อนหน้านี้

ล่าสุดแว่วว่า วอร์นเนอร์ มิวสิค ค่ายเพลงสากลอีกฝั่ง ก็เตรียมจับมือเป็นพันธมิตรกับค่าย สมอลล์รูม ในลักษณะเดียวกัน รวมถึงก่อนหน้านี้ วอร์นเนอร์ มิวสิค เองก็เพิ่งเปิดตัว บี- พีระพัฒน์ เถรว่อง หรือ บี เครสเซนโด ซึ่งเซ็นสัญญาออกอัลบั้มเดี่ยวไปหมาดๆ ทั้งสองเหตุการณ์นี้ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณได้ ว่าค่ายเพลงสากลค่ายนี้กำลังจะหันเหมารุกตลาดเพลงไทยอย่างจริงจัง หลังจากที่ผ่านมาเน้นตลาดเพลงสากลมากกว่า หากจะมีศิลปินไทยที่ดูแลก็เพียงแค่วง คาราบาว เท่านั้น

จะเท็จจริงอย่างไร นัดดา บุรณศิริ กรรมการผู้จัดการบริษัท แจงรายละเอียดให้ฟังว่า

"เรารู้ว่าทุกคนมองว่าตอนนี้วงการเพลงค่อนข้างแย่ลง แต่ผมว่าในความเป็นจริงมันยังมีโอกาสของมัน หากอยู่ที่วิธีมองมากกว่า อย่างเรา เรามองตัวเองเป็นเหมือนครีเอทีฟ เอเยนซี ให้แก่ศิลปิน คือ เรานำมาช่วยทำโปรโมทให้ แล้วต่อไปพอเขาดังมาถึงระดับหนึ่ง เราก็จะช่วยคิดต่อว่าเขาจะสามารถไปทำอะไรได้อีกบ้างในวงการนี้

แต่สิ่งหนึ่งศิลปินที่เรามองคุณสมบัติที่สำคัญคือ ต้องเป็นตัวจริง เหมือนกับบี เราเคยทำงานกับเขาในอัลบั้ม 25 ปีคาราบาว ซึ่งเราเชิญเขามาร้องเพลง บัวลอย ในอัลบั้มนั้น ปรากฏว่าเขาร้องแค่เทคเดียวผ่าน รวมถึงมารู้ตอนหลังอีกว่าเขาไม่ได้เป็นแค่นักร้อง ยังสามารถแต่งเพลงได้อีก มันน่าประหลาดอย่างมาก เพราะตอนแรกเราคิดว่าเขาเป็นแค่นักร้องเท่านั้น"

เมื่อถามต่อถึงกรณีการร่วมเป็นพันธมิตรกับค่ายสมอลล์รูม ผู้บริหารวอร์นเนอร์ มิวสิค รีบอุบไต๋ บอกเพียงว่า ปีนี้จะมีอีกค่ายหนึ่งที่มาร่วมงานกับวอร์นเนอร์ฯ แต่ขอยังไม่บอกรายละเอียด เพราะเดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น คาดว่าอีกประมาณ 2-3 สัปดาห์ จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้

"การที่เราจับมือกับอีกค่าย รวมถึงส่งบีออกมา เราไม่ได้คิดว่าจะเพิ่มศิลปินไทยหรือรุกตลาดเพลงไทย และไม่คิดทิ้งเพลงเพื่อชีวิต คาราบาวยังเป็นลำดับหนึ่งของเราเสมอ แต่จากการทำงานให้คาราบาวเมื่อปีที่แล้ว ทำให้เราได้บทเรียนว่าการทำศิลปินในยุคสมัยใหม่นี้ เราต้องคำนึงถึง 2 สิ่ง คือ หนึ่งต้องทำให้ดัง และสองถ้าดังแล้วจะให้เขาไปทำอะไรต่อได้บ้าง อย่างหลังคือการที่เราต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ เอาโจทย์ลูกค้ามาคิด เช่น ในอัลบั้มของบี เราก็เข้าไปทำเพลงประกอบละครภาคภาษาไทยให้กับซีรีส์เกาหลีเรื่อง คอฟฟี่ ปริ๊นซ์ ซึ่งจะออกอากาศทางช่อง 7 สี เป็นต้น และนี่คือสิ่งที่เรากำลังจะทำ"

แม้ว่าจะหันมาทำงานให้แก่ศิลปินไทยมากขึ้นแต่ นัดดา ก็ยังไม่คิดมองในเรื่องของการตั้งทีมผลิตเพลงหรือทีมโปรดักชั่นส์ แต่หากวางตัวเป็นบริษัททำโปรโมทมากกว่า เนื่องจากมองว่าความแตกต่างของตัวงานสมัยนี้อยู่ที่แนวคิดมากกว่าในเรื่องของขั้นตอนการผลิตที่สามารถจ้างมืออาชีพมาทำให้ได้

ถามต่อว่ามาทำเพลงไทยมากขึ้นจะรุกตลาดแข่งกับค่าย โซนี่ บีเอ็มจี หรือ ผู้บริหารคนเดิม ตอบว่า

"ในแง่ของตลาดมันไม่ได้อยู่ที่ว่าใครใหญ่กว่าใคร หากอยู่ที่ใครทำได้น่าสนใจกว่ากันต่างหาก ซึ่งถ้าพูดถึงตลาดเพลงสากลอย่างเดียว เราเป็นเบอร์ 2 รองจากค่ายยูนิเวอร์แซล มิวสิก เท่านั้น และหากพูดถึงค่ายเพลงสากลที่ทำเพลงไทยด้วย เรายังครองความเป็นหนึ่งมาตลอด เพียงแต่เราไม่ค่อยออกมาพูดเท่านั้น

สำหรับเป้าหมายการทำเพลงไทยในปีนี้ผมมองว่าเมื่องานของเราออกมา วงการต้องสนุก ตั้งเป้าแบบนั้นมากกว่า วงการต้องรู้สึกว่าเราเข้าใจคิด เรื่องที่ว่าจะออกมาถูกหรือผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"

นอกจากการหันมาทำงานเพลงไทยออกมาเพิ่มขึ้นแล้วในปีนี้ นัดดา บอกว่า ยังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ของคาราบาวให้ดูกันอีกเฉกเช่นทุกปีที่ผ่านมา ถามว่าคาราบาวมีคอนเสิร์ตเยอะไปจนน่าเบื่อหรือไม่ เขาคิดว่าจะเยอะหรือไม่ ไม่สำคัญ หากแต่อยู่ที่คอนเซ็ปต์ที่แตกต่างเป็นสำคัญ

สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook