เม ศิตาภา กับบทบาทใน สวีท วาเคชั่น | Sanook Music

เม ศิตาภา กับบทบาทใน สวีท วาเคชั่น

เม ศิตาภา กับบทบาทใน สวีท วาเคชั่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
จากไม่มีใครรู้จักดังไกลแดนปลาดิบ แม้ว่าจะโกอินเตอร์ไปทำงานที่ญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ แตกต่างจากศิลปินร่วมค่ายอย่าง กอล์ฟ-ไมค์ ไอซ์- ศรัณยู วินัยพานิช และ จมส์- เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ที่ถูกค่าย จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ต้นสังกัดดันโปรโมทอย่างสุดตัวทำให้แฟนเพลงชาวไทยน้อยคนจะรู้จักสาวน้อยวัย 18 ปีที่ชื่อ เม- ศิตาภา อรรถบุรานนท์ คนนี้

แต่เมื่องานเพลงเพลงแรกของเธอที่ชื่อ ไอ ฟิล โซ กู๊ด ที่ทำกับ ไดจิ ฮายากาวา โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่นภายใต้ชื่อวง สวีท วาเคชั่น ถูกนำเสนอออกไป เม ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง จากการตอบรับที่กลับมาเกินคาด เพลงของเธอติดท็อป 10 มีคนเข้าไปดูมากที่สุดใน มายสเปซ และติดอันดับ 1 อินดี้ เฮ้าส์ ชาร์ต ของ มายสเปซ และอีกหลายๆ ชาร์ต รวมถึงยังมียอดจากการดาวน์โหลดเพลงนี้อีกนับแสนครั้ง

ทำให้วันนี้ เม ได้โอกาสนำผลงานมาทำเป็นมินิอัลบั้มแรกของตัวเองจำนวน7 เพลง โดยวางแผงไปแล้วที่ญี่ปุ่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับในไทยอัลบั้มนี้ถูกวางไปเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา จึงน่าสนใจไม่น้อยที่จะเริ่มไปทำความรู้จักกับเธอคนนี้

เม เล่าว่า เธอเริ่มทำงานเพลงอัลบั้มนี้เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากได้พบกับ ไดจิ โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย แล้วเกิดชอบเมืองไทย อยากที่จะทำงานกับคนไทยดูบ้าง

"พอไดจิอยากทำงานกับคนไทย ก็เลยเข้ามาหาศิลปินที่ แกรมมี่ เขาได้เห็น เม ตอนที่ออกอัลบั้ม เพรพพี่ จี กับเพื่อนๆ ที่เรียนในโครงการ จี-จูเนียร์ มาด้วยกัน แล้วชอบ เลยขอนัดเจอตัวและอัดเสียงดู เขาก็บอกว่าใช่เลย เขาชอบเสียงที่ใสเข้ากับแนวเพลงที่จะทำ ชอบบุคลิก หน้าตาใสๆ สนุกสนาน และที่สำคัญ เม พอที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ดูแล้วน่าจะกลมกลืนกับคนญี่ปุ่น

ก่อนหน้านี้ตอนเข้าเรียนม.ปลาย ที่ โรงเรียนเตรียมอุดม ด้วยความที่เมเรียนด้าน ศิลป์-ภาษา ที่โรงเรียนเลยให้เลือกเรียนระหว่างภาษาเยอรมัน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส ตอนนั้นภาษาญี่ปุ่นมาแรง อีกอย่างประเทศญี่ปุ่นยังเป็นประเทศที่เติบโตในแง่ของธุรกิจ เมคิดว่าหากเลือกเรียนด้านนี้ก็จะสามารถนำมาใช้ได้จริงในอนาคต

เมไม่เคยคิดเลยว่าเรียนแล้วจะได้ไปเป็นนักร้องที่ญี่ปุ่นมันเหมือนฝันมากๆ เมว่ามันเป็นโชคของเมที่ได้มาเจอกับ ไดจิ วันที่ไปเทสต์ให้เขาดู เมก็ร้องเหมือนเล่นๆ ร้องสบายๆ เป็นตัวเองมาก ซึ่งคิดว่าเขาคงชอบที่เมเป็นแบบนั้น อีกอย่างเพลงที่เขาแต่งมาให้ เมเองก็ชอบ มันเหมือนเพลงที่แต่งมาเพื่อเมจริงๆ"

หลังจากตัดสินใจทำงานกับโปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่นเพียง 2 สัปดาห์หลังจากนั้น เมก็ต้องเดินทางไปบันทึกเสียงที่ประเทศญี่ปุ่นทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว รู้แต่เพียงว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกแล้ว แต่เป็นงานที่ต้องทำอย่างจริงจัง

"ตอนนั้นไดจิบอกเลย ว่าอยากทำงานกับเมเป็นโปรเจกท์ใหญ่ที่วางแผนไว้ถึง 6 ปี เมก็งงๆ พอไปถึงเมก็ได้เข้าห้องอัด ได้ถ่ายรูปเพื่อนำเพลงไปปล่อยที่เว็บไซต์ มายสเปซ ซึ่งวงอินดี้ส่วนใหญ่ของที่นั่น เขาก็ใช้ระบบนี้ เมกับไดจิก็เป็นลักษณะเดียวกัน

ในระหว่างที่ทำงานก็มีปัญหาบ้างเหมือนกันแม้ว่าเมจะเรียนภาษาญี่ปุ่นมาถึง 2 ปีแล้ว แต่ก็พูดได้เป็นคำๆ โชคดีที่ไดจิพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แต่ทีมงานคนอื่นก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ทำให้ไดจิต้องเป็นล่ามให้ อีกอย่างการทำงานที่นั่น คนญี่ปุ่นจะตรงเวลามาก ที่ผ่านมาเมไปทำงาน 5 ครั้ง ครั้งละ 10 วัน ทุกวันก็ทำงานตลอด ไม่ได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนเลย"

ถามว่ากระแสตอบรับค่อนข้างดีคิดว่าเป็นเพราะอะไร สาวน้อยวัยใสร่างกะทัดรัด ตอบว่า

"เมคิดว่าจุดขายของเมคือตัวเพลงเลย เพลงเมจะเป็นเพลงน่ารัก สนุกๆ เป็นแนวใหม่ที่ไดจิเรียกว่า คิระ คิระ ป๊อป หรือถ้าจะเรียกเป็นไทย ก็คือ ปิ๊ง ปิ๊ง ป๊อป ป๊อปใสๆ ฟังแล้วอยากเต้น คนฟัง ฟังแล้วก็จะจำได้ง่าย เพราะมีเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง ส่วนเนื้อหาก็จะเป็นเรื่องความรัก สมหวัง คิดถึงเธอ อยากทำให้โลกของเธอสดใส"

ถามต่อว่ารู้สึกน้อยใจหรือไม่ที่เพลงได้กระแสดี แต่คนไทยกลับไม่รู้จัก ในขณะที่ค่ายเองก็ไม่ค่อยสนับสนุน เม ตอบอย่างเข้าใจว่า

"ก็น้อยใจเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยซีเรียส เพราะอย่างพี่ ไอซ์ หรือ กอล์ฟ-ไมค์ เขามีชื่อเสียงแล้ว เขาไปที่นั่นในฐานะศิลปินที่มีชื่อเสียงจากประเทศไทย แต่สำหรับเมเหมือนเราไปเริ่มต้น ไปเป็นนักร้องหน้าใหม่ที่นั่น เหมือนเมแยกไปวิธีใหม่ ไม่ใช่ไปแบบครอส คัลเจอร์ เพราะญี่ปุ่นจะดูแลด้านโปรดักชั่นทุกอย่าง แกรมมี่เพียงแค่ทำหน้าที่ดูแลศิลปินเฉยๆ"

เมยังได้เผยถึงแผนงานต่อจากนี้ให้ฟังด้วยว่า เริ่มจากเดือนกุมภาพันธ์ ที่ญี่ปุ่นเธอจะมีมินิอัลบั้มที่ 2 ออกมา จากนั้นในเดือนเมษายน ก็จะมีคอนเสิร์ตเปิดตัวครั้งแรก ก่อนที่ในเดือนพฤษภาคม จะมีอัลบั้มเต็มอัลบั้มแรกออกมา ส่วนอัลบั้มเพลงไทยเธอยังไม่ได้คิด หากได้ทำก็คงดีเพราะเป็นบ้านเกิด แต่ตอนนี้เธอเหมือนเพิ่งไปเริ่มต้นที่ญี่ปุ่นเลยต้องทำให้ดีที่สุดก่อน

"วันนี้เหมือนเมเดินมาไกลเกินฝันของตัวเองแล้ว มันไกลเกินเอื้อมมากๆ ก่อนหน้านี้ได้เป็นนักร้องในกลุ่ม เพรพพี จี ก็คิดว่าฝันแล้ว ตอนนี้ยิ่งกว่า เพราะเมชอบร้องเพลงมาตั้งแต่จำความได้ คุณพ่อ คุณแม่ ก็ชอบร้องเพลงและสนับสนุนมาตลอด โดยหวังว่าวันหนึ่งเมจะได้เป็นนักร้อง แล้ววันนี้ก็ได้มาเกินคาด"

ติดตามฟังงานของเธอได้ในรูปแบบมินิอัลบั้มและเว็บไซต์...

สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook