New Hope Club กับความรักในเสียงดนตรี และเส้นทางการเป็นศิลปินที่ “ไม่อยากตามใคร” | Sanook Music

New Hope Club กับความรักในเสียงดนตรี และเส้นทางการเป็นศิลปินที่ “ไม่อยากตามใคร”

New Hope Club กับความรักในเสียงดนตรี และเส้นทางการเป็นศิลปินที่ “ไม่อยากตามใคร”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากได้มาเห็นหน้าตาท่าทางของ 2 สมาชิกหนุ่มจากประเทศอังกฤษ Blake Richardson และ George Smith ตัวเป็นๆ ตรงหน้าแล้ว คงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากสมาชิกบอยแบนด์หล่อๆ ยืนร้องเพลง และเต้นกันอย่างพร้อมเพรียง พร้อมส่งมินิฮาร์ทให้แฟนๆ จากบนเวที แต่แท้ที่จริงแล้ว พวกเขาเป็นสมาชิกวง New Hope Club ที่จะไม่ขึ้นเวทีถ้าไม่มีเครื่องดนตรีในมือ

น่าเสียดายที่การมาไทยครั้งที่ 2 ของพวกเขาในครั้งนี้ ไม่มี Reece Bibby มาด้วย เพราะป่วยกะทันหัน แต่การพูดคุยของ Sanook! Music กับสองหนุ่มในครั้งนี้ ได้พลังงานด้านบวกกลับมาเต็มๆ เพราะนอกจากจะได้พูดคุยเจาะลึกถึงเรื่องดนตรีที่พวกเขาชื่นชอบ และหลงไหลกันมาตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ยังได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงเพิ่มมากขึ้น จากเกมสนุกๆ ที่เราได้เล่นกับสองหนุ่มในครั้งนี้ด้วย


New Hope Club x Sanook เล่นเกม This or That?

 

ใครไม่อยู่ คนนั้นต้องโดนเม้าท์! ครั้งแรกที่เจอ Reece คิดอย่างไรกับเขาบ้าง?

George : ครั้งแรกที่เจอเขา วันนั้นเขามาที่บ้านผมเลย เราเคยเห็นเขาในวิดีโอใน YouTube มาก่อน เขาดูเท่มากแล้วนะ วันนั้นเราทำอะไรด้วยกันนะ? (หันไปหา George) เหมือนเราจะเล่นวิดีโอเกมด้วยกัน เท่าที่จำได้คืนนั้นน่าจะได้นั่งดูหนังด้วยกันด้วย คืนนั้นก็นั่งชิลล์ๆ ด้วยกัน คุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย ทำความรู้จักกันก่อนที่จะได้ร่วมงานกัน

Blake : สิ่งที่ดีมากเลยก็คือ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ในชีวิตเราจะได้เจอกับคนที่เข้ากันได้ดีกับเราสุดๆ ผมได้สนิทกับ George ก่อนก็จริง แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เจอกับใครที่คุยด้วยแล้วคลิกสุดๆ เหมือน Reece เลย แล้วนับจากนั้นเป็นต้นมาพวกเราก็อยู่ด้วยกัน 3 คนมาตลอด ไม่เคยต้องการใครเพิ่มเข้ามาอีกเลย เราโอเคกับการได้ทำเพลงด้วยกัน 3 คนแบบนี้ที่สุด

 

ครั้งแรกที่รู้ว่าทั้งสองคนจะได้ทำงานร่วมกันกับ Reece รู้สึกยังไง?

George : ผมไม่ได้รู้สึกว่าต้อง “ทำงาน” เลยครับ อย่างที่บอกว่าตั้งแต่ได้เจอกับ Reece เราสองคนก็รู้สึกเลยว่าเราไม่ต้องการคนไหนในวงของเราอีกแล้ว แล้วเราก็เริ่มทำดนตรีด้วยกันเหมือนเพื่อนมาทำอะไรด้วยกัน เหมือน “เฮ้ย พวกเราไปท่องโลกกันดีกว่า” ไล่ตามความฝันด้วยกัน ไปเล่นดนตรีให้แฟนๆ ฟังด้วยกัน ซึ่งมันก็วิเศษมากๆ

Blake : เหมือนกันกับ George ครับ ผมไม่รู้สึกเลยว่าผมกำลังทำงานอยู่ ทุกอย่างที่เราทำด้วยกันมันสนุกมาก วิเศษมากๆ

 nhc-1

ในฐานะที่เป็นวงดนตรีรุ่นใหม่ มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเป็นศิลปิน?

Blake : พวกเราชอบฟังเพลงมากๆ กันมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ เราอาจจะชอบเล่นฟุตบอลเหมือนเด็กคนอื่นๆ ด้วย แต่สิ่งที่พวกเราสนใจมากที่สุดก็คือ ดนตรี เราชอบที่จะได้แต่งเพลงขึ้นมาเอง เป็นของเราเอง จริงๆ เพราะพวกเรามาจากคนละทิศละทาง จากเมืองต่างๆ ของอังกฤษ เราเลยไม่ได้รู้จักกันมาก่อนตั้งแต่แรก แต่ละคนเลยเริ่มจากการร้องเพลงคัฟเวอร์ โพสต์ลงอินเตอร์เน็ตไปตามเรื่องตามราว หรือออกไปทำการแสดงในฐานะศิลปินเดี่ยวกันก่อน แต่หลังจากที่พวกเราได้รู้จักกัน พวกเราก็แชร์ความฝันร่วมกัน คือการได้มีวงดนตรีของตัวเอง ได้ทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก ซึ่งในตอนนี้มันเหมือนกับฝันที่เป็นจริง เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ ดังนั้นในตอนนี้ที่ได้เป็นศิลปินเต็มตัวแล้ว ก็รู้สึกดีใจที่ได้มายืนอยู่ในจุดนี้ได้ครับ

 

กว่าจะมาเป็น New Hope Club ไม่ใช่เรื่องง่าย พวกคุณอาจจะเคยถูกมองว่าเป็นบอยแบนด์ขายหน้าตามากกว่าจะขายความสามารถทางดนตรี พวกคุณผ่านปัญหานี้กันมาได้ยังไง?

Blake : พวกเราพยายามแสดงความสามารถทางดนตรีออกมาให้ทุกคนเห็นให้ได้มากที่สุด อย่างตอนที่เราคัฟเวอร์เพลงต่างๆ พวกเราจะไม่ใช่แค่ดาวน์โหลดแบคกิ้งแทร็คของเพลงเหล่านั้นมาร้องคัฟเวอร์เฉยๆ เรามาเรียบเรียงดนตรีใหม่ ใส่คอร์ดกีตาร์โปร่งลงไปเอง ทำให้เพลงเหล่านั้นเป็นเวอร์ชั่นเฉพาะของพวกเราเอง วางไลน์การใช้เสียงร้องด้วยตัวของพวกเราเองทั้งหมด เพราะเราเติบโตมาท่ามกลางวงดนตรีเจ๋งๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจการทำเพลงของพวกเรา ดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับการเล่นดนตรีมาก เราไม่อยากเป็นวงที่ขึ้นไปบนเวทีแล้วจับไมโครโฟนร้องเพลงอย่างเดียว

George : ผมว่าทุกอย่างมันจะคลี่คลายขึ้นสำหรับใครที่ยังคลางแคลงใจสงสัยในตัวพวกเราอยู่ หากพวกเขาได้ชมการแสดงของพวกเราบนเวทีจริงๆ ทุกคนจะเห็นว่าพวกเราเล่นดนตรีกันเอง และให้ความสำคัญกับการเล่นดนตรีมาก ไม่ใช่แค่ผู้ชายวัยรุ่นโดนจับแต่งตัวดีๆ 3 คนมายืนอยู่บนเวทีเฉยๆ พวกเราฝึกร้อง ฝึกเล่นดนตรีกันจริงจังมาก เพราะความฝันของพวกเราคือการได้เล่นดนตรีจริงๆ บนเวที ด้วยลุคของพวกเราอาจทำให้คนเข้าใจผิดได้ แต่หากได้ชมคอนเสิร์ตของพวกเรา ทุกคนจะเห็นเองครับ

 

แต่งเพลงกันเองแบบนี้ มีช่วงไหนที่คิดอะไรไม่ออก แต่งเพลงไม่ได้กันบ้างไหม?

George : หลายครั้งเลยครับ เหมือนเริ่มแต่งเพลงไปได้นิดนึงแล้ว แต่ไปต่อไม่ได้ วิธีแก้ง่ายๆ คือ ให้พักมันไปก่อน แล้วค่อยกลับมาต่อเพลงใหม่วันหลัง ผมคิดว่าเป็นวิธีที่พวกเราทั้ง 3 คนทำเหมือนกัน เวลาแต่งเพลง พวกเรามักโยนไอเดียในหัวออกมารวมกัน แต่มันก็อาจจะมีคนหนึ่งที่มีไอเดียในหัวไม่ตรงกับเพื่อน แต่การมีไอเดียออกมาเยอะๆ ย่อมดีกว่า เราก็มานั่งคุยกัน หาทางรวมไอเดีย เรียงร้อยออกมาเป็นเพลงให้ได้ร่วมกัน วิธีนี้ก็จะแต่งเพลงง่ายกว่าการนั่งกลุ้มแต่งเพลงอยู่คนเดียว แต่จริงๆ แล้วเราก็มีเพลงที่พวกเราทำกันเองล้วนๆ ใน EP ด้วยนะใช่ไหม (หันไปถาม Blake ที่ตอบว่า “ใช่”) ซึ่งมันก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่พวกเราได้แสดงความตัวของตัวเองในแต่ละคนออกมาผ่านเพลงที่เหมือนกับเป็น B-Sides เหล่านั้น พวกเรารู้สึกดีที่ได้ร่วมงานกับคนอื่นนะ แต่การได้ทำเพลงเองอย่างเต็มที่มันก็รู้สึกดีมากๆ เหมือนกัน มันแตกต่างออกไปน่ะ

 nhc-7

nhc-8

ทัวร์คอนเสิร์ตกันมาก็เยอะ ทั้งทัวร์กับ The Vamps และทัวร์ของวงตัวเอง มีเรื่องตลกๆ หรือเรื่องที่จำไม่ลืมเกิดขึ้นระหว่างทัวร์บ้างไหม?

George : มันเพิ่มขึ้นมาใหม่เรื่อยๆ เลยเนี่ยสิ (หัวเราะ)

Blake : มีเยอะมากๆ เลยครับ ซึ่งหลายๆ เรื่องก็เล่าให้ฟังไม่ได้ (ยิ้มกว้าง)

S! Music : เล่าให้ฟังหน่อยสิ

George+Blake : (ประสานเสียง) ไม่ได้ (หัวเราะ)

Blake : มันจะมีช่วงที่พวกเราไปเกาหลี คือพวกเราพอจะรู้อยู่บ้างแล้วแหละว่าพวกเรามีฐานแฟนคลับอยู่ที่ไทยบ้างผ่านทาง social media ต่างๆ แต่กับที่เกาหลีนี่พวกเราไม่รู้เลย แต่วันนั้นพอพวกเราไปถึง ปรากฎว่าแฟนๆ มากันเต็มสนามบิน พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วแบบ “เกิดอะไรขึ้น?” บอกตรงๆ โมเม้นท์นั้นพวกเรารู้สึกเหมือนเป็น The Beatles เลย (หัวเราะ)

George : ส่วนเรื่องตลกๆ ก็น่าจะเป็นช่วงที่ทัวร์กับ The Vamps มันจะมีคืนสุดท้ายของทัวร์ที่เราจะเรียกกันว่าเป็น “คืนส่งท้าย” ทีมงานจะตั้งความสูงของขาไมค์สูงๆ บ้างล่ะ ปรับเสียงกีตาร์ของผมแปลกๆ บ้างละ หรือใส่เหล้าจินลงไปแทนน้ำเปล่าบ้างล่ะ แต่ละอย่างตลกมาก เป็นความทรงจำดีๆ และรู้สึกดีมากที่ได้เป็นเกียรติร่วมทัวร์กับพวกเขาครับ

 nhc-9

nhc-3

พวกคุณได้เป็นศิลปินในช่วงที่ยอดขายซีดีตกต่ำลง แล้วถูกแทนที่ด้วยการฟังเพลงออนไลน์ รู้สึกยังไงบ้าง? ยังอยากให้แฟนๆ อุดหนุนซีดีกันอยู่ หรือว่าจะฟังออนไลน์ก็ได้?

Blake : จริงๆ แล้วพวกเราก็ยังไม่ได้มีอัลบั้มเต็มออกมาอ่ะนะครับ ตอนนี้แฟน ก็เลยยังไม่ได้ซื้อซีดีจริงๆ กัน ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนทำได้ก็คือสตรีมมิ่ง หรือซื้อเพลงจากออนไลน์สโตร์ แต่หากพวกเรามีอัลบั้มเต็มออกมาเมื่อไร พวกเราก็อยากจะทำออกมาในรูปแบบของซีดี รวมถึงแผ่นไวนิลด้วยแน่นอน เพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบซื้อซีดี ได้หยิบแผ่นมาเปิดฟังในรถ อะไรแบบนั้น หากซื้อเป็นเพลงดิจิตอล มันง่ายที่คนอาจจะเปิดฟังแค่เพลงที่ 1-3 แล้วก็ไป หรืออาจจะเลือกฟังแต่เพลงที่ 1 หรือ 4 แล้วก็ข้ามเพลงที่เหลือไปหมด แต่ถ้าคุณเปิดฟังด้วยซีดี ไม่ว่าจะเปิดในรถหรืออะไรก็แล้วแต่ คุณจะได้ฟังตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย ได้เข้าใจ และซึมซับเพลง และตัวตนของศิลปินนั้นๆ มากกว่าการกดฟังแค่เพลงสองเพลง

 

เห็นทุกคนในวงใส่ใจอัปเดต social media กันสุดๆ ถ้าสมมติว่าตอนทำวงกันไม่มี social media เลย จะโปรโมตวง หรือสื่อสารกับแฟนเพลงยังไง?

Blake : โห งั้นผมขอไมโครโฟนตัวใหญ่ๆ มาเลย (หัวเราะ ทำท่าถือไมโครโฟน เอามือป้องปาก) อารมณ์แบบ “ไทยแลนด์!” จากบนเตียงในห้องนอนผมนะ (หัวเราะ) และตะโกนให้ดังที่สุดไปเลย “พวกเราจะไปหาแล้วนะ อาทิตย์หน้า”

George : ผมว่าน่าจะอารมณ์ประมาณ พูดกันปากต่อปากมากกว่า พวกเราจะออกทัวร์บ่อยๆ แทน น่าจะเป็นวิธีที่เวิร์ค ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ดีกว่า social media นิดนึง ตรงที่เราได้เจอหน้าแฟนๆ กันจริงๆ

 

คิดว่าการเป็น New Hope Club ตั้งใจว่าอยากจะทำอะไรให้สำเร็จให้ได้มากที่สุด?

George : เป็นวงดนตรีที่ดีที่สุดในโลก (ยิ้ม)

Blake : โอ๊ย นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว (ยิ้ม) ผมว่าการได้ทำเพลงที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร คงเป็นสิ่งที่พวกเราอยากทำให้ได้มากที่สุด ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในช่วงเรียนรู้ และพัฒนาฝีมือในการแต่งเพลงไปเรื่อยๆ กันอยู่ พวกเราไม่อยากทำเพลงที่เหมือนคนอื่น ผมว่ามันง่ายหากพวกเราจะแค่ทำเพลงไปตามกระแสที่ทำออกมาแล้วรู้เลยว่าต้องฮิตแน่ๆ แต่พวกเราเลือกที่จะพยายามทำเพลงให้ต่างจากคนอื่นๆ มากกว่า พวกเราอยากเป็นต้นแบบให้กับวงอื่นๆ ได้ทำตาม มากกว่าที่จะตามใคร เหมือนให้วงรุ่นใหม่ๆ ฟังเพลงพวกเราแล้วรู้สึกว่า “อยากทำเพลงให้ได้แบบนี้”

 nhc-4

มาไทยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว อยากทำอะไรบ้างก่อนกลับไป?

Blake : ครั้งที่แล้วพวกเราได้เดินผ่านแถวๆ พระราชวังด้วย ครั้งนี้อยากจะไปเดินรอบๆ แถวนั้นให้มากขึ้น อยากพบพระเจ้าอยู่หัวมากครับ (ยิ้ม)

S! Music : อาหารไทยล่ะ

Blake : ผมเพิ่มกินไปเมื่อเช้านี้เลย ผมชอบสะเต๊ะ (George : สะเต๊ะอร่อย) แล้วก็ชอบข้าว อะไรที่มาพร้อมข้าว ผมชอบหมด

 

แฟนชาวไทย แฟนชาวอังกฤษ และแฟนประเทศอื่นๆ แตกต่างกันยังไงบ้าง?

Blake : จริงๆ แฟนๆ ในแต่ละที่น่ารัก และดีกับพวกเรามากเลยนะครับ แต่ตอนที่มาไทยครั้งแรก รวมถึงประเทศแถบเอเชีย ทุกคนสุภาพมากๆ

George : คราวที่แล้วที่มาโชว์ที่ไทย แฟนๆ กรี๊ดกร๊าดเสียงดังกันมาก ก่อนโชว์พวกเราไปเข้าห้องน้ำ ตอนที่เดินผ่านแฟนๆ ทุกคนกรี๊ดใส่กันดุเดือดมาก ตลกมาก ตอนนั้นพวกเรารู้เลยว่าพวกเราต้องกลับมาที่นี่อีกให้ได้ ครั้งหน้าอยากมาแสดงคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบเลยครับ คงเป็นความฝันที่พวกเราอยากทำให้ได้

 

ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทยหน่อย

Blake : ขอบคุณมากๆ ที่คอยสนับสนุน และให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอดทั้งครับ กลับมาครั้งนี้รู้สึกได้ว่าแฟนเพลงเยอะขึ้นมาก พวกเราก็รู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีก จนไม่รู้จะขอบคุณยังไงเลย อยากให้ช่วยติดตามพวกเรา ช่วยแนะนำพวกเราให้คนอื่นๆ ต่อไปด้วย พวกเรารักพวกคุณมากๆ ครับ

George : เช่นกันครับ พวกเราเห็นแรงสนับสนุนพวกเราจากแฟนๆ ชาวไทยผ่านทาง social media มาตลอด พวกเราจะกลับมาหาทุกคนอีกครั้งให้ได้ และครั้งหน้า Reece จะมาด้วยแน่นอนครับ

 



____________________

Story : Jurairat N.

Special thanks : Universal Music Thailand, Hotel Indigo Bangkok Wireless Road

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook