"พลอยชมพู" ทำเพลงฮิปฮอปครั้งแรก! ปล่อยเอ็มวีแซ่บ "คิดมากน่า"

ถึงแม้จะเป็นนักร้องที่สามารถร้องเพลงได้หลากหลายแนว  แต่ช่วงที่ผ่านมา พลอยชมพู ญานนีน ไวเกล ศิลปินหญิงที่แจ้งเกิดจากโลกออนไลน์ ก็มักจะทำผลงานออกมาในรูปแบบเพลงป็อปร็อคอย่างเช่นเพลง "ปากร้าย ใจรัก" และ "ดีใจ" หรือเพลงป็อปช้าเนื้อหาดราม่าอย่างเพลง "ปลิว" และ "อาจเป็นเพราะ" ทำให้ล่าสุดเธอได้ตัดสินใจทำผลงานใหม่ในสไตล์ที่ต่างออกไป 

 

พลอยชมพู

 

โดยล่าสุด พลอยชมพู ได้ปล่อยเพลง "คิดมากน่า" ผลงานเพลงฮิปฮอปสนุกสนานกับทางค่าย Mono Music ซึ่งผลงานนี้พลอยชมพูได้ร่วมงานกับ Sir Poppa (ป๊อป-อภิวัฒน์ ชินอักษร) แร็ปเปอร์จากกลุ่ม J$R ที่เข้ารอบสุดท้ายรายการ The Rapper ในปีที่ผ่านมา 

 

 พลอยชมพู และ $ir Poppa Lot

 

ซึ่งพลอยชมพู ได้เล่าถึงการทำผลงานเพลง "คิดมากน่า" ว่า “ครั้งนี้ได้ทำเพลงกับ Mono Music เป็นครั้งแรกที่ได้ร้องเพลงเร็วในสไตล์ ฮิปฮอป อยากทำเพลงเร็วมานานแล้ว ส่วนตัวชอบอะไรที่สนุกๆ ไอเดียของเพลงเริ่มจากนั่งคุยกับทางโปรดิวเซอร์ ไม่อยากทำเพลงเกี่ยวกับความรัก อยากให้มีความแตกต่าง มีอะไรใหม่ๆ ในเพลงนี้พลอยมีส่วนร่วมค่อนข้างเยอะ ทั้งแนวทางดนตรี แล้วก็มีส่วนร่วมในคำร้องในท่อนภาษาอังกฤษ มีดีไซน์การร้องจะมีท่อนที่ร้องแล้วทำเสียงเหมือนสเมิร์ฟ 

คลิกชมเอ็มวี คิดมากน่า - พลอยชมพู Feat. Sir Poppa

 

เนื้อหาของเพลงเป็นเรื่องราวของคนสองคนคุยกัน คนนึงเครียดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เราก็จะเข้าไปบอกเค้าว่า อย่าคิดมากนะ มีอะไรคุยกันได้ เพลงนี้เป็นเพลงที่ฟังได้ทุกคน เนื้อหาสบายๆ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ไม่ต้องเครียด และผลงานนี้ยังเป็นครั้งแรกอีกด้วยที่ได้ทำงานกับพี่ Sir Poppa ด้วย เพราะเราหาคนที่จะมาฟีทเจอริ่งด้วย จนมาเจอพี่เขารู้สึกชอบในทันที ชอบสไตล์การร้องที่มีความแข็งแรง ชอบสไตล์การแร็ป และลุคที่เหมาะกับเพลงนี้มาก ยิ่งได้เห็นการอัดเสียงของพี่เขาแล้วแบบดีใจมากที่ได้มาร่วมงานกัน ยังไงขอฝากซิงเกิล "คิดมากน่า" เอาไว้ด้วยนะคะ เป็นเพลงที่สนุกแน่นอน เป็นแนวใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยทำมาก่อน ฝากด้วยค่ะ” 

 

คลิกชมสัมภาษณ์ พลอยชมพู เรื่องเพลง คิดมากน่า ได้ที่นี่

 

ขอบคุณภาพจาก Facebook Jannine Weigel

Story : Sidhipong W.

>> พลอยชมพู ปล่อยเพลง "Ghostbuster" ผลงานใหม่ที่เขียนด้วยตัวเอง

>> ทุ่มทุนสร้าง! พลอยชมพู ปล่อยเอ็มวีเพลงอินเตอร์ "Deep End" สุดอลังการ

>> พลอยชมพู เปิดใจน้ำตาคลอ! ถึงเหตุผลที่สวม "หน้ากากปลากัด" ร้องเพลง