“Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน” เรื่องราว “เพลงฮิต” ที่นานเท่าไหร่ ก็ยังน่าหลงใหลอยู่วันยังค่ำ | Sanook Music

“Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน” เรื่องราว “เพลงฮิต” ที่นานเท่าไหร่ ก็ยังน่าหลงใหลอยู่วันยังค่ำ

“Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน” เรื่องราว “เพลงฮิต” ที่นานเท่าไหร่ ก็ยังน่าหลงใหลอยู่วันยังค่ำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากเทียบตัวเลข 14 เป็นอายุของมนุษย์สักคน เขาหรือเธอคนนั้นคงจะเป็นหนุ่มน้อยสาวน้อยที่กำลังค่อยๆ เติบโตและเรียนรู้เรื่องราวบนโลกไปทีละนิด แต่สำหรับ “ค่ายเพลง” สักหนึ่งค่าย ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นช่วงเวลาอันแสนยาวนานไม่น้อย และไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะยืนหยัดอยู่ในวงการเพลงเมืองไทยได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งๆ ที่ผลงานอันโดดเด่นล้วนเป็น “เพลงทางเลือก” แทบทั้งสิ้น

Spicydisc (สไปร์ซซี่ดิสก์) เริ่มออกเดินทางด้วย passion ของความหลงใหลในเสียงดนตรีล้วนๆ ของหัวเรือใหญ่อย่าง เต้ง-พิชัย จิราธิวัฒน์ จากหนึ่งกลายเป็นสอง และค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยจนกลายเป็นครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น จนล่าสุดก็ถึงเวลาที่เหมาะสม ที่คอนเสิร์ตใหญ่รวมพลยกค่ายสไปร์ซซี่ดิสก์ภายใต้ชื่อ Leo Presents Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน จะเกิดขึ้น

>> 7 เรื่องไม่รู้ก็ได้ (แต่รู้ไว้ก็เจ๋งดี) อุ่นเครื่อง “Spicydisc HitStory Concert 14 ปีใน 1 วัน”

โปสเตอร์คอนเสิร์ต Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน

โปสเตอร์คอนเสิร์ต Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน

 

น่าเสียดายที่อากาศหนาวไม่มาตามนัด แถมยังมีหวาดเสียวเล็กๆ จากฝนที่เทกระหน่ำลงมาก่อนหน้าวันแสดงจริงเพียง 1 วัน ทว่าท้ายที่สุดบรรยากาศที่ Show DC Oasis Arena เมื่อวันเสาร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ก็อุ่นหนาฝาคั่งไปด้วยแฟนเพลงสไปร์ซซี่ดิสก์ที่เดินทางมารอชมกันตั้งแต่โชว์แรก แม้อากาศจะร้อนอบอ้าวแบบสุดๆ ก็ตาม

เริ่มต้นด้วยเพลงธีมของคอนเสิร์ตอย่าง “เธอทั้งนั้น” กับการรวมพลศิลปินในค่ายในนาม Spicydisc Super Band ที่ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นบรรดาศิลปินไม่ว่าจะเป็นจากยุคเริ่มก่อตั้งค่ายจวบจนทุกวันนี้กว่า 24 ศิลปิน ร่วม 60 ชีวิตก็ทยอยขึ้นร้อง เพลงฮิต ของพวกเขาแบบไม่มีพักเบรก เพราะการเปลี่ยนโชว์จากวงหนึ่งไปสู่อีกวงหนึ่งนั้นใช้วิธีเลื่อนเซตอัพเครื่องดนตรีจากซ้ายและขวามาสู่กลางเวที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาเซตเครื่องดนตรีแม้แต่น้อย ยอดเยี่ยม!

Spicydisc Super Band

Spicydisc Super Band

 

Helmetheads และ The Rube คือสองศิลปินรุ่นใหม่ที่ออกมาประเดิมเวทีด้วยเพลงฮิตที่กระหน่ำยอดวิวแบบไม่ไว้หน้ารุ่นพี่ โดยเฉพาะ “อันเฟรนด์” และ I’m Sorry (สีดา)” ตามลำดับที่ขึ้นหลักกว่าร้อยล้านทั้งคู่ หลังจากนั้นก็เป็นคิวของศิลปินหน้าใหม่ที่ค่อยๆ สร้างบรรยากาศอันยอดเยี่ยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Morning Soon, Rooftop, AOMSIN, Pills, Zom Marie, Second Brothers และ Tape มีคั่นด้วย Nap A Lean ที่เพลง “ไม่คิดถึงเลย” นั้นแฟนๆ ร้องตามกันกระหึ่มใช้ได้เลยทีเดียว

The Rube

The Rube

 

นอกจากจะเปิดโอกาสให้รุ่นใหม่ไฟแรงได้ขึ้นเวทีใหญ่ขนาดนี้แล้ว ยังมีเซอร์ไพรส์จากรุ่นเก่าที่หายหน้าหายตาไปนานมาร่วมแจมบนเวทีอีกต่างหาก ไม่ว่าจะเป็น Ball Jarulove ที่มาฟีทเจอริ่งกับ Nap A Lean ในเพลงดังของเขาอย่าง “ถ้าฉันเป็นเธอ” ในขณะที่สองสมาชิกจาก Monotone อย่าง ใหญ่ และ กิ๊ฟท์ ก็มาร้องเพลงที่ทุกคนคิดถึงอย่าง “นานอีกหน่อย” และ “รักคือ” อีกต่างหาก

Ball Jarulove feat. Nap A Lean

Ball Jarulove feat. Nap A Lean

 

น่าจะยังเซอร์ไพรส์กันไม่พอ บรรดารุ่นเก๋าเรียงรายขึ้นสู่เวทีกันอย่างพร้อมเพรียง เริ่มต้นด้วย Save Da Last Piece หรือ โต้ง-มณเฑียร แก้วกำเนิด ก็ชวน ตุล ไวฑูรเกียรติ แห่งวงอพาร์ตเมนต์คุณป้า มาสร้างความคึกครื้นในเพลง “กลับ” ส่วน Good September ก็เมดเลย์แบบยาวๆ โดยเฉพาะ “ภาพเวลาเดิมๆ” และ “อย่าเบื่อคำว่าเสียใจ” นี่ไม่ได้ยินได้ฟังแบบสดๆ มานานเหลือเกิน ต่อด้วย ละอองฟอง ที่ขนมาทั้งเพลง “แอบชอบ” และ “ต่างใจเดียว” ชวนแฟนๆ ขยับโยกย้ายร่างกายกันสักหน่อย

Save Da Last Piece feat. ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า

Save Da Last Piece feat. ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า

 

สายลึกก็มา! Knock the Knock มาพร้อมไลน์อัพดั้งเดิมที่ทุกคนถวิลหา โดยเฉพาะ อู๋ ยศทร นักร้องนำวง The Yers ที่กลับมารับตำแหน่งมือกลอง หรือแม้กระทั่ง อาร์ท อรรณพ มือกีตาร์วง Goose ที่ประจำการในตำแหน่งมือกีตาร์ กับบทเพลงอย่าง “จุลินทรีย์กวี” และ “วันเวลาที่หายไป” หรือแม้แต่ Lullaby (เราระบาย) ที่หายหน้าหายตาไปพักใหญ่ ซึ่งเพลง “อยู่ให้ฉัน” นี่บอกเลยว่าร้องตามกันดังสนั่น ในขณะที่สายอิเล็กทรอนิกส์ก็มาทั้ง Kidnappers รวมถึงการกลับมาขึ้นเวทีคอนเสิร์ตในรอบ 11 ปีของ Funky Wah Wah อีกด้วย

Knock the Knock

Knock the Knock

 

เราระบาย

เราระบาย

 

เรื่องราวเพลงฮิตยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จากศิลปินที่ทุกคนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็น Friday, ว่าน-ธนกฤต พานิชวิทย์, Unkle T., ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ, theBOYKOR, The Parkinson และจัดเต็มกับ Sqweez Animal กับเซตลิสต์เพลงแบบเรียงลำดับศิลปินที่กล่าวไปเมื่อสักครู่นี้อย่าง “เพลงรักเก่า”, “ร้อยแก้ว”, Wedding Singer”, “กรุณา”, “แค่พูดว่า”, “เพื่อนรัก”, “คำบางคำ” เป็นต้น หรือแม้กระทั่งเพลง “กลับมา” ที่เดาว่าไม่น่าจะมีใครในพื้นที่นั้นร้องไม่ได้

ว่าน ธนกฤต

ว่าน ธนกฤต

 

ก้อ ณฐพล, Unkle T. และ บอย ตรัย

ก้อ ณฐพล, Unkle T. และ บอย ตรัย

 

แขกรับเชิญพิเศษของคอนเสิร์ตคราวนี้ยังคงสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อยู่เสมอ โหน่ง-พิมพ์ลักษณ์ กมลเพชร เจ้าของเพลง “คนเดียวจริงๆ” ขึ้นมาแจมกับ ก้อ ณฐพล ส่วน ใหม่-จิตติพล ถาวรกิจ นักร้องนำวง No One Else? สมาชิกล่าสุดแห่งบ้านสไปร์ซซี่ดิสก์ก็ขึ้นมาแจมกับ The Parkinson ได้อย่างน่าประทับใจ รวมไปถึงการกลับสู่บ้านหลังนี้ของ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ที่ขึ้นมาโชว์เพลง “เกือบ” ในอัลบั้มเดี่ยวของเขา ก่อนที่กลับสู่เวทีอีกรอบในนาม Groove Riders ซึ่งกลับมารียูเนียนแบบครบวง ทำเอาแฟนๆ หายคิดถึงกันไปได้ไม่น้อยกับเพลง “หยุด” ปิดท้ายด้วยความสนุกจากวง Mild ต่อด้วย Super Band ที่มาพร้อมเมดเลย์เพลงฮิตขนานใหญ่ จบคอนเสิร์ตไปแบบเต็มอิ่ม จุใจ กว่า 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

>> แฟนชื่นมื่น! “Groove Riders” ฟื้นคืนชีพในคอนเสิร์ตใหญ่ยกค่าย Spicydisc

การขึ้นเวทีของ โหน่ง พิมพ์ลักษณ์

การขึ้นเวทีของ โหน่ง พิมพ์ลักษณ์

 

การกลับมาของ Groove Riders

การกลับมาของ Groove Riders

 

แต่หากจะเอ่ยคำว่า “เต็มอิ่ม” ก็อาจพูดไม่ได้เต็มปากนัก เนื่องจากแต่ละวงก็ได้ขึ้นโชว์กันวงละ 2-3 เพลงเท่านั้น รวมไปถึงศิลปินหน้าใหม่ที่อาจยังไม่มีเพลงฮิตเหมือนรุ่นพี่ ก็อาจทำให้คอนเซ็ปต์ “เรื่องราวของเพลงฮิต” ที่วางเอาไว้ดูขัดๆ ไปในบางช่วงบางตอน แต่ก็เข้าใจได้โดยถ่องแท้ว่าเป็นเพราะจำนวนศิลปินที่มีค่อนข้างมาก หากให้ทุกวงจัดเต็ม คอนเสิร์ตอาจจะเลิกพรุ่งนี้เช้าของอีกวันก็เป็นได้

และหากจะเอ่ยคำว่า “เต็มอิ่ม” อีกสักครั้ง ก็อาจจะไม่ใช่เรื่อง “ระบบเสียง” แต่อย่างใด เพราะซาวด์โดยรวมของคอนเสิร์ตครั้งนี้ค่อนข้างไม่อิ่มเอมมากนัก ฟังดูไม่หนักแน่น ไม่พุ่งออกมายังพื้นที่ของผู้ชมที่ยืนอยู่ ครั้นเมื่อเดินออกไปยังโซนอาหาร ในบางครั้งซาวด์กลับเต็มอิ่มกว่า รวมไปถึงในช่วงท้ายที่ดูเหมือนว่าซาวด์จะเบาลงไปค่อนข้างมาก ทำให้รายละเอียดของแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีที่ไม่ค่อยจะชัดเจนอยู่แล้ว ยิ่งเบาบางเจือจางลงไปอีก ในขณะที่ระบบแสงก็ค่อนข้างอยู่ในมาตรฐาน ไม่ได้รู้สึกว้าวมากเท่าใดนัก

ละอองฟอง

ละอองฟอง

 

The Parkinson

The Parkinson

 

เพราะฉะนั้นความรู้สึก “เต็มอิ่ม” มากที่สุดที่เกิดขึ้นในคอนเสิร์ต Leo Presents Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน ก็คงจะหนีไม่พ้นเหล่าบรรดาเพลงที่เรารัก ที่เราคิดถึง รวมไปถึงบรรดาศิลปินที่เราหลงใหลและชื่นชมมาตั้งแต่ผมยังเกรียนติดหัวที่กลับมาอยู่เบื้องหน้า หลายคนยังอยู่ในเส้นทางดนตรี หลายคนมีที่ทางของตัวเองในรูปแบบใหม่ หลายคนไม่ได้หยิบจับเครื่องดนตรีมายาวนานก่อนหน้านี้ ทว่าท้ายที่สุด ท่วงทำนองของบทเพลงคือสิ่งที่พวกเขารักที่จะทำ ไม่ว่ามันจะฮิตหรือไม่ก็ตาม ดนตรีอาจหมายถึง “ชีวิตทั้งชีวิต” ของพวกเขาทุกคนบนเวทีแห่งนี้

Sqweez Animal

Sqweez Animal

 

Mild

Mild

 

ท้ายที่สุด การได้เห็นครอบครัว Spicydisc เติบโตและอบอุ่นมากขนาดนี้ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ก็ถือเป็นเรื่องราวและความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าวงการเพลงบ้านเรามีทั้ง “เพลงฮิตระดับคุณภาพ” ปะปนคละเคล้าไปกับเพลงฮิตฉาบฉวย ที่มาสร้างสีสันเพียงชั่วขณะแล้วก็โบกมือลาทุกคนไป แต่ทุก “เพลงฮิต” ที่ทุกคนได้ยินในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบทเพลงที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าใด ก็ยังครองใจนักฟังเพลงได้อย่างชะงัดนัก และเชื่อว่าหลังจากนี้ไม่ว่าจะผ่านไปอีกสักกี่ปี เมื่ออินโทรหรือท่อนฮุกมันดังขึ้น ก็ไม่แปลกที่ทุกคนจะร้องตามแบบไม่ต้องเหนียมอายใครแต่อย่างใด

 

ใครยังไม่จุใจ ฟังเพลงฮิตจาก Spicydisc กันต่อได้ด้านล่างนี้เลย

 

Story by: Chanon B.
Photos by: Spicydisc

อัลบั้มภาพ 39 ภาพ

อัลบั้มภาพ 39 ภาพ ของ “Spicydisc HitStory 14 ปีใน 1 วัน” เรื่องราว “เพลงฮิต” ที่นานเท่าไหร่ ก็ยังน่าหลงใหลอยู่วันยังค่ำ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook