“Tahiti 80 Live in Bangkok 2018” เพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเพอร์เฟกต์ในวันที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ | Sanook Music

“Tahiti 80 Live in Bangkok 2018” เพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเพอร์เฟกต์ในวันที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

“Tahiti 80 Live in Bangkok 2018” เพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเพอร์เฟกต์ในวันที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครเป็นแฟนเพลงตัวจริงของวงดนตรี Tahiti 80 คงพอจะทราบว่า โชว์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (5 ตุลาคม 2561) ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาเดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่สยามประเทศ อีกทั้ง Tahiti 80 ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับศิลปินไทยหลายคน ที่เห็นเป็นรูปธรรมที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Sqweez Animal ที่พวกเขาเคยโปรดิวซ์อัลบั้ม ไม่มีที่มา เมื่อปี 2554 ที่มีเพลงดังอย่าง “พรุ่งนี้ที่ดีกว่า” หรือ “คำบางคำ” มาแล้ว และหลายคนก็รอคอยที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การชมการแสดงสดของวงอินดี้ป็อปจากประเทศฝรั่งเศสวงนี้อีกครั้ง

คอนเสิร์ต Tahiti 80 Live in Bangkok 2018 จึงถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของเหล่าสาวกที่บางคนติดตามวงมากว่า 2 ทศวรรษ แต่ภายใต้ความตื้นตันใจนั้น ก็มีความพะวงอยู่เนืองๆ เนื่องด้วยสถานที่จัดงานคือ Zen Event Gallery ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเคยมีคอคอนเสิร์ตหลายคนประสบพบเจอกับปัญหาในเรื่องซาวด์อย่างหนัก แต่ท้ายที่สุด ทีมงาน Sanook! Music ก็ยืนต่อคิวเพื่อเข้าสู่ภายในฮอลล์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขออนุญาตข้ามการพูดถึงโชว์เปิดของ 3 สมาชิกแห่งวง Pills ไปสู่โชว์ที่สองโดย Sqweez Animal กันเลย เนื่องจากทีมงานติดภารกิจจนไม่สามารถเดินทางไปทัน วิน ศิริวงศ์ พร้อม SQ Crew อีก 5 ชีวิตไล่เรียงเซตลิสต์ที่พาย้อนกลับไปสู่เพลงในความทรงจำของทุกคนทั้ง “พรุ่งนี้ที่ดีกว่า”, “ฉันไม่เหงา”, “เริ่มใหม่” และ ไม่เคยจะห่างกัน” ที่ทำเอาเราและทุกคนในฮอลล์ฟินไปตามๆ กัน

Sqweez Animal

Sqweez Animal

 

ต่อด้วย “บอกไม่ได้” ที่หนุ่มวินเอ่ยถึงมือกีตาร์ “คนนั้น” ที่หายไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทุกคนพร้อมใจกันปรบมือและระลึกถึง สิงห์ มุสิกพงศ์ ด้วยกัน ปิดท้ายด้วย “คำบางคำ” ที่ได้ฟร้อนต์แมนแห่ง Tahiti 80 ผู้อยู่เบื้องหลังคอรัสภาษาอังกฤษอันแสนมีเสน่ห์ในเพลงดังกล่าวขึ้นมาแจมแบบเซอร์ไพรส์ ไม่ต้องรอให้ถึงคิววงตัวเองกันเลยทีเดียว

ปัญหาที่หลายคนกังวลเริ่มก่อตัวขึ้น แม้ว่าทีมงาน Sanook! Music จะอยู่ด้านหน้าสุดของเวที ซึ่งค่อนข้างฟังชัดในทุกอณูอยู่พอสมควร ทว่าเสียงสะท้อนที่เกิดจากห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยเสาขนาดใหญ่ ก็ทำให้ซาวด์ไม่ได้ฟังดูอิ่มเอมเปรมปรีดิ์มากนัก เพียงแต่ท่วงทำนองอันคุ้นเคย ที่ทุกคนคิดถึงจาก Sqweez Animal ต่างหาก ที่ทำให้ความอิ่มเอมในหัวใจได้ปรากฏขึ้นตลอดทั้งโชว์

ระหว่างพักเซตเวที คั่นด้วยเพลย์ลิสต์เพลงจาก Dudesweet ที่สายปาร์ตี้น่าจะรู้จักดี ได้ยินแต่ละเพลงนี่เราถึงกับอุทานในใจว่า “เอาอย่างนี้เลยเหรอ” เพราะมีตั้งแต่ Taylor Swift, Blur ยัน “เมียไม่มี” เวอร์ชั่น ยอดรัก สลักใจ และอีกหลายๆ เพลงที่ไม่คิดว่าเราจะได้ยินในงานๆ นี้ ปรบมือให้กับความหาญกล้าที่ Dudesweet ไม่เคยมีทีท่าว่าจะลดลงแม้แต่น้อยแบบดังๆ

Tahiti 80

Tahiti 80

 

ถึงเวลาพระเอกของงานอย่าง Tahiti 80 แล้ว 3 สมาชิกที่เริ่มต้นทำวงมาด้วยกันอย่าง Xavier Boyer (ร้องนำ, กีตาร์, คีย์บอร์ด), Pedro Resende (เบส, ซินธิไซเซอร์) และ Médéric Gontier (กีตาร์) ก้าวขึ้นสู่เวทีพร้อมด้วยอีก 2 สมาชิกที่ร่วมทัวร์มาด้วยกันอย่าง Raphaël Léger ในตำแหน่งมือกลอง และ Hadrien Grange มือคีย์บอร์ดและเพอร์คัสชั่น ความคึกคักจัดหนักตั้งแต่แรก “Unpredictable”, Sound Museum”, “Easy” คือ 3 เพลงแรกที่พวกเขาหยิบมาโชว์ในคราวนี้ ก่อนจะประเดิมเล่นเพลงใหม่ล่าสุดที่เพิ่งปล่อยออกมาสดๆ ร้อนๆ อย่าง “My Groove” ให้ได้โยกกันอย่างต่อเนื่อง

เรายังคงประจำการอยู่ ณ ตำแหน่งเดิม หน้าสุดเวที เพอร์ฟอร์แมนซ์บนเวทีของ Tahiti 80 ส่งพลังมาถึงเราแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ยืนดูฉากหลังที่ใช้ระบบแมนนวลได้อย่างน่าทึ่งแบบเพลินๆ ด้วยการให้ทีมงานค่อยๆ เทสีต่างๆ ลงมาบนผืนผ้า ทั้งขาว เขียว เหลือง น้ำเงิน ทับกันเรื่อยๆ จนอาจเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งก็ว่าได้ … จุดนี้ถือว่าชอบเป็นการส่วนตัวเลยล่ะ

แม้ว่าเอเนอร์จี้ของวงจะสุดเหวี่ยงมากแค่ไหน แต่ระบบเสียงที่ได้ยินกลับแห้งและไม่มีมิติ ดูเหมือน Tahiti 80 จะมีปัญหากับซาวด์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะมือเบสอย่าง Pedro ที่สีหน้าท่าทางออกอาการอยู่พอสมควร อย่างไรก็ตาม พวกเขายังเดินหน้าสร้างความสุขให้แฟนเพลงชาวไทยต่อไป กับลิสต์เพลงอย่าง “To Anyone, “Changes”, “Strung” และเพลงช้าๆ อย่าง “Hurts” ที่จับใจเอามากๆ

การที่เรายืนชมคอนเสิร์ตอยู่ด้านหน้าอาจทำให้ได้ยินซาวด์จากบนเวทีของแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีค่อนข้างชัดเจน แต่ก็อย่างที่กล่าวไปเมื่อสักครู่ ความหนักแน่น ย่านต่ำ ย่านสูง ดูสะเปะสะปะไร้ทิศทางพอสมควร อีกทั้งยังเกิดเหตุไมโครโฟนหอนอยู่เป็นระยะ และค่อยๆ หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออาการดังกล่าวเกิดขึ้นแทบจะทุกเพลงเลยทีเดียว จนช่วงหลังๆ ของโชว์ดูเหมือนว่าจะมีการปรับเสียงไมค์ของ Xavier ให้เบาลง และกลายเป็นว่าฟังฟร้อนต์แมนสุดเท่ไม่ออกทั้งตอนพูดและตอนร้องไปเสียอีก

จะว่ากันตามจริง เรายังคงสนุกและมีความสุขอยู่กับโชว์ที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งเมื่อเข้าช่วงขยับแข้งขยับขา จากล็อตเพลงชวนเต้นไม่ว่าจะเป็น  “A Love From Outta Space”, “Matter of Time”, “1,000 Times” โดยเฉพาะเพลงหลังนี่เรียกเสียงกรี๊ดจากบรรดาสาวกได้หนักหน่วงทีเดียว โดยเฉพาะช่วงที่ วิน Sqweez Animal ทำแบบเดียวกันกับที่ Xavier ทำไว้ในช่วงแรกๆ ด้วยการขึ้นมาแจมด้วยเสียเลย โยกเพลินจนรู้สึกว่าเหงื่อออกผิดปกติ อ้าว! แอร์ดับเสียอย่างนั้น เดาได้ทันทีว่าเครื่องปรับอากาศน่าจะดับพร้อมกับที่ห้างสรรพสินค้าปิดให้บริการ ทันใดนั้นเอง กลิ่นสีที่ในตอนแรกเหมือนว่าแอร์จะดับกลิ่นไว้ ก็ส่งต่อมาถึงรูจมูกอย่างไม่รีรอ

ถึงจะร้อนระอุจนแทบหายใจไม่ออก และแสบจมูกสุดๆ ในตอนนั้น แต่เรายังเพลินๆ แบบพยายามไม่สนใจกับสิ่งรอบข้างไปกับอีก 3-4 เพลงในช่วงท้ายๆ อย่าง “Jokers”, “Let Me Be Your Story” (ซึ่งแอบเสียดายที่ไม่ได้ฟังเครื่องเป่าอย่างในสตูดิโอเวอร์ชั่น), “Coldest Summer” ที่แฟนๆ ร้องตามกระหึ่ม รวมถึง “Crush” คิดในใจว่า เราร้อนมากเท่าไหร่ Tahiti 80 คงร้อนกว่าหลายเท่านัก ทั้งพลังงานที่ต้องใช้บนเวที แถมยังมีไลท์ติ้งมาส่องกระทบใบหน้าแบบจังๆ อีก ทนกันอีกสักนิดน่า เพราะเดินทางมาถึงช่วงอังกอร์แล้ว

เราค่อนข้างนับถือในความเป็นมืออาชีพของ Tahiti 80 เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นก็ตาม พวกเขายังใส่เต็มในช่วงอังกอร์ด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้ม แถมให้อีกถึง 4 เพลงทั้ง “Open Book” เพลงจังหวะ 6/8 ที่ทั้งเท่และเศร้าในเวลาเดียวกัน, Natural Reaction” และ “Big Day” ก่อนที่พวกเขาจะส่งท้าย Tahiti 80 Live in Bangkok 2018 ครั้งนี้ด้วย Heartbeat” ที่ไม่เล่นก็คงจะไม่ได้ ฟังสดๆ รอบเดียวเหมือนจะไม่พอ ดีต่อใจเอามากๆ

หลายคนคงจะทราบถึงดราม่าต่างๆ นานาตามโลกโซเชียลกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะเรื่องซาวด์อันสืบเนื่องมาจากข้อจำกัดต่างๆ ของสถานที่จัดแสดง Zen Event Gallery อาจไม่เหมาะกับการจัดคอนเสิร์ตอีกต่อไปแล้ว หรือหากผู้จัดรายใดสนใจพื้นที่แห่งนี้ คงต้องทำการบ้านหนักกันสักหน่อย

เรื่องซาวด์อาจเกิดจากปัจจัยเฉพาะทาง แต่ปัญหานอกเหนือจากนั้นน่าจะเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องปรับอากาศ ซึ่งอากาศที่ไม่ถ่ายเทอาจส่งผลให้ผู้ที่อยู่ภายในฮอลล์เป็นลม หรืออาจเป็นอะไรมากกว่านั้นในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เรื่องสีที่ส่งกลิ่นค่อนข้างแรงมาก หรือแม้กระทั่งเรื่องจำนวนลิฟต์ที่แปรผกผันกับจำนวนผู้ชม หลายคนต้องรอจนกระทั่งขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสไม่ทัน แม้คอนเสิร์ตจะจบตั้งแต่ห้าทุ่มเศษก็ตาม เรื่องราวเหล่านี้คงเป็นบทเรียนสำคัญที่ทางผู้จัดคงได้เรียนรู้เป็นอย่างดี

ฟังเพลงของ Tahiti 80 กันต่อได้ที่นี่

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าปัญหาจะหนักหนาสาหัสเพียงใด หรืออาจจะเป็นความโชคดีที่เรามีหลุดทะลุเข้าไปถึงด้านหน้าสุดของเวที ทำให้เราสัมผัสได้ถึงทุกย่างก้าวบนเวทีของ Tahiti 80 สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เพอร์ฟอร์แมนซ์ของวงดนตรีวงนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน และพวกเขาตั้งใจที่จะมอบความสุขให้กับแฟนเพลงโดยไม่สนใจว่าจะต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอะไรบ้าง

นี่แหละ … ศิลปินตัวจริงเสียงจริง หวังว่าจะมีโอกาสได้ชมการแสดงสดของ Tahiti 80 อีกครั้ง ในวันที่ทุกอย่าง … เป็นใจ

 

Story by: Chanon B.
Photos by: Spicydisc

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ

อัลบั้มภาพ 12 ภาพ ของ “Tahiti 80 Live in Bangkok 2018” เพอร์ฟอร์แมนซ์สุดเพอร์เฟกต์ในวันที่ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook