Why Don’t We ทำไมเราจะไม่ปลื้มกับ 5 หนุ่มบอยแบนด์ตะวันตก กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในไทย | Sanook Music

Why Don’t We ทำไมเราจะไม่ปลื้มกับ 5 หนุ่มบอยแบนด์ตะวันตก กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในไทย

Why Don’t We ทำไมเราจะไม่ปลื้มกับ 5 หนุ่มบอยแบนด์ตะวันตก กับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบครั้งแรกในไทย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในขณะที่ฝั่งแฟนๆ เกาหลีต้อนรับศิลปินแต่ละวงที่กระหน่ำกันมาเปิดคอนเสิร์ต และแฟนมิตติ้งที่บ้านเราอย่างไม่ยั้งกันมาตลอดทั้งปี ฝั่งแฟนเพลงอินเตอร์ก็ได้กรี๊ดกับบอยแบนด์สุดน่ารักจากทางฝั่งตะวันตกกันบ้าง นอกจาก One Direction แล้ว ตอนนี้ก็คงมีแต่ Why Don’t We นี่แหละที่เป็นบอยแบนด์สายร้องที่กำลังโกยคะแนนความนิยมจากแฟนเพลงฝั่งเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่งาน WHY DON'T WE : INVITATION TOUR LIVE IN BANGKOK 2018 ในค่ำคืนที่ 27 สิงหาคม 2018 ณ GMM Live House @ Central World จัดโดย Godzillionaire จะเต็มไปด้วยวัยรุ่นอายุไม่เกิน 20 กว่าๆ มาต่อคิวเข้าฮอลล์กันอย่างล้นหลาม ต่างคนต่างเปิดคลิปดูหนุ่มๆ Why Don’t We ที่สนามบินกันยกใหญ่ เห็นอย่างนี้ก็น่าปลื้มใจแทนหนุ่มๆ ที่สาวไทยยังคงมีที่ว่างในใจให้กับบอยแบนด์ฝั่งตะวันตกอยู่มากพอสมควร

 

eben-sanook

 

19.45 น. งานเริ่มค่อนข้างเลท อาจเป็นเพราะการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดมากในวันนั้น (ฝนตกกระหน่ำตั้งแต่ช่วงบ่าย) จึงทำให้แฟนๆ ค่อยๆ ทยอยเข้ามาในฮอลล์อย่างช้าๆ แต่เมื่อเสียงเพลงดังกระหึ่มออกมา ก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นการแสดงของศิลปินเปิดอย่าง EBEN ศิลปินป็อปชาวอเมริกันหน้าตาจิ้มลิ้มที่มาพร้อมกับลักยิ้มที่สาวๆ หน้าเวทีกรี๊ดกันถล่มทลาย ด้วยซาวด์ป็อปอิเล็กทรอนิกส์ที่เปลี่ยนเวทีเป็นแดนซ์ฟลอร์ขนาดย่อมๆ จึงทำให้บรรยากาศค่อยๆ คึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเพลง Lambo” เพลงเก่งของเขา แฟนเพลงบางส่วนร้องเพลงตามกันได้อย่างเสียงดังฟังชัด เชื่อได้เลยว่าหลังจากงานนี้น่าจะโกยคะแนนแฟนคลับสาวๆ ได้อีกเพียบแน่นอน

20.13 น. โดยประมาณ ไม่ต้องรอเซ็ตเวทีกันนาน 5 หนุ่ม Why Don’t We ทั้ง Jonah Marais, Corbyn Besson, Daniel Seave, Jack Avery และ Zach Herron ก็ปรากฏตัวพร้อมฉากหลังสลับสีขาวดำ ในเพลงสนุกๆ อย่าง “Air of the Night (Smooth Step)” ยืนเท่ๆ ไปทั้งเพลงแล้วก็ลงมาทักทายแฟนเพลงใกล้ๆ แล้วต่อด้วย On My Way” เพลงจังหวะกลางๆ ที่แฟนเพลงร้องตามกันได้สบายๆ ก่อนที่หนุ่มๆ จะทักทายว่า คืนนี้เป็นโชว์สุดท้ายของเอเชียทัวร์ของพวกเขา ดีใจที่ในที่สุดก็ได้มาเมืองไทยเสียที พร้อมกับเข้าเพลง Just To See You Smile”, “Free” และ “M.I.A.” โดยมีหนุ่ม Daniel เล่น Synth Pad ให้เพื่อนๆ ก่อนเข้าสู่ช่วง mashup เข้าเพลง Shape of You” ของ Ed Sheeran และ Finesse” ของ Bruno Mars ทำให้บรรยากาศในฮอลล์เริ่มระอุขึ้นเรื่อยๆ หนุ่มๆ จึงชวนแฟนๆ มาปาร์ตี้ด้วยกันในเพลง We The Party” แอบเห็นวัยรุ่นหลายคนโยกตามหนุ่มๆ บนเวทีพร้อมรอยยิ้มไปตลอดทั้งโชว์เลยทีเดียว

 

why-dont-we-3

 

นอกจากทั้ง 5 หนุ่มจะร้องสดด้วยเสียงค่อนข้างดีแล้ว ในแต่ละพาร์ทของโชว์ยังแบ่งอย่างชัดเจนว่าเป็นช่วงแดนซ์ ช่วงซึ้ง หรือช่วงสนุกสนาน โดยแต่ละช่วงคั่นด้วยการเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดสบายๆ มาเป็นชุดสูทหรูในเพลง Never Know” ที่มาเป็นคลิปหนุ่มๆ กำลังแต่งตัว (แฟนเซอร์วิสสุดๆ) และออกมาร้องเพลงช้า Nobody Gotta Know” และเพลงบัลลาดยุค ‘80s-‘90s อย่าง Words I Didn’t Say” หรือจะเป็นช่วงเร่งจังหวะให้สนุกขึ้นด้วยเพลง Something Different” ที่หนุ่มๆ ออกมาด้วยชุดลายช้างที่เซอร์ไพรส์แฟนๆ ชาวไทยกันไปตามๆ กัน แถมหนุ่มๆ ยังออกปากชมว่า “ชุดที่เมืองไทยใส่สบายสุดๆ ชอบมาก” อีกด้วย

แม้ว่าจะเป็นบอยแบนด์สายร้อง แต่หากคิดว่าหนุ่มๆ จะมายืนร้องนิ่งๆ เฉยๆ คงจะผิดถนัด เพราะเพลงส่วนใหญ่ของหนุ่มๆ เป็นเพลงมีจังหวะสนุกสนานจนออกไปแนวเท่ๆ ดังนั้นจึงมีการดีไซน์ท่าทางของแต่ละเพลงเอาไว้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการยืนกระจายตัวไปในแต่ละมุมของเวทีอยู่ตลอดเวลา บล็อกกิ้งแม่นเป๊ะ ท่ากระโดดพร้อมกันในแต่ละครั้งก็พอน่ารักกรุบกริบ แถมยังเล่นกับแฟนๆ ด้วยท่าที่สมาชิกในวงคนหนึ่งจะถือไมโครโฟนค้างไว้จนเพื่อนๆ ในวงต้องมาสะกิดเรียก การโชว์ท่าเต้นมูนวอล์คระหว่างโชว์ หรือบางคนก็เอามงกุฎของแฟนๆ มาสวมบนหัวขณะร้องเพลง แกล้งแหย่กันไปมาบนเวที ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นกันตลอดทั้งโชว์

 

why-dont-we-2

 

ในแง่ของวิชวลอาจจะดูเรียบง่ายกว่าที่คิดไปสักเล็กน้อย เพราะภาพสวยๆ บนฉากมักจะมาๆ ไปๆ สลับกับการใช้ไฟส่องไปที่ตัวศิลปินเฉยๆ บนฉากเรียบๆ อย่างในเพลงเก่ง Trust Fund Baby ที่มากกว่าครึ่งเพลงเป็นฉากมืดๆ พร้อมไฟสีส้มส่องไปที่ตัวศิลปินแต่ละคนแต่ละท่อน กว่าฉากและแสงสีสวยๆ จะโผล่มาก็เกือบจะจบเพลง ทั้งๆ ที่เพลงนี้น่าจะได้การจัดวิชวลบนเวทีสวยๆ เหมือนเพลงอื่นๆ (โดยเฉพาะกับการเป็นเพลงซิงเกิลสร้างชื่อแล้วด้วย) นอกจากนี้ในด้านของดนตรีก็อาจจะดูแห้งๆ ไปสักหน่อย เพราะเป็นการเปิดดนตรี backing track ตลอดทั้งโชว์ จึงอาจจะขาดอรรถรสในแง่ของการฟังดนตรีสดไปเล็กน้อย

ช่วงสุดท้ายปิดโชว์ด้วย “Hooked” และ “Talk” เพลงดังที่แฟนๆ หลายคนตะโกนร้องตามกันได้อย่างแม่นยำ ก่อนหนุ่มๆ จะกอดคอกันอำลาแฟนๆ ไปอย่างเรียบง่าย (จนแฟนๆ งงว่าจบแล้วเหรอ) ไม่มี encore เหมือนกับคอนเสิร์ตอื่นๆ จบโชว์ไปในเวลาสามทุ่มกว่าๆ ใช้เวลาในโชว์ไปเพียงชั่วโมงกว่าๆ ถือว่าเป็นคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบที่ใช้เวลาน้อยกว่าคอนเสิร์ตอื่นๆ อาจจะเพราะจำนวนเพลงที่ไม่ถึง 20 เพลง บวกกับเพลงอื่นที่เอาเข้ามาเสริมก็มีไม่มาก ช่วง talk ระหว่างเพลงก็มีไม่มาก จึงอาจจะทำให้หลายคนอาจจะรู้สึกเหมือน “รีบมารีบไป” อยู่บ้าง คิดว่าในอนาคตเมื่อหนุ่มๆ มีเพลงของตัวเองมากกว่านี้ และสั่งสมประสบการณ์ในการแสดงสดมากกว่านี้อีกนิด น่าจะสร้างโชว์ที่น่าประทับใจได้มากขึ้นในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่บอยแบนด์ฝั่งตะวันตกมีอยู่น้อยนิดจนกลายเป็นของหายาก Why Don’t We ที่สมาชิกแต่ละคนมีประวัติ และฝีมือที่ไม่ธรรมดา คงต้องให้เวลาพวกเขาได้ปล่อยของให้มากกว่านี้ และเมื่อไรก็ตามที่พวกเขาทำได้ เมื่อนั้นวงการบอยแบนด์ฝั่งตะวันตกคงจะกลับมาบูม และเอาชนะใจแฟนเพลงทั่วโลกได้ไม่ยากแน่นอน เพราะส่วนตัวเชื่อว่าแนวดนตรีป็อปผสมอิเล็กทรอนิกส์อย่างที่ Why Don’t We ทำน่าจะยังไปต่อได้ไม่ยาก ดังนั้นจนกว่าที่หนุ่มๆ จะค้นหาเอกลักษณ์ของตัวเองให้เจอ สั่งสมประสบการณ์ทางดนตรีให้มากขึ้น และขัดเกลาฝีมือในการเป็นศิลปินให้มากขึ้น แฟนๆ คงต้องตามสนับสนุน และให้กำลังใจหนุ่มๆ กันต่อไป

 

_____________________

Story : Jurairat N.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook