แบบประเมินตนเองสุดเข้มข้นของ 6 วงดนตรีหน้าใหม่จากห้องทดลองที่ชื่อ “Band Lab” | Sanook Music

แบบประเมินตนเองสุดเข้มข้นของ 6 วงดนตรีหน้าใหม่จากห้องทดลองที่ชื่อ “Band Lab”

แบบประเมินตนเองสุดเข้มข้นของ 6 วงดนตรีหน้าใหม่จากห้องทดลองที่ชื่อ “Band Lab”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สิ้นสุดไปแล้วสักพักสำหรับ Band Lab รายการเชิงเรียลลิตี้เฟ้นหาวงดนตรีหน้าใหม่ ผ่านภารกิจต่างๆ ทั้งหมด 13 อีพีที่เปรียบเสมือน “ห้องทดลองทางดนตรี” จำลองชีวิตและประสบการณ์การเป็นศิลปินในวงการที่แท้จริงให้กับ 6 วงดนตรีที่ผ่านเข้ามาถึงรอบสุดท้ายจากการคัดเลือกกว่า 300 วง โดยการควบคุมทุกขั้นตอนของ โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail ที่รับหน้าที่ Executive Director ประจำรายการ ซึ่งปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบที่พวกเขาลงมือทำกันเองในทุกขั้นตอนเลยทีเดียว

>> โอม Cocktail นำทัพประเดิมรายการ “Band Lab” อีพีแรก เฟ้นหาวงดนตรีหน้าใหม่สุดเข้มข้น

เรามองว่า Band Lab เปรียบเสมือนห้องเรียนห้องหนึ่งที่ศิลปินหน้าใหม่ได้มาเข้าคลาสเรียนรู้องค์ประกอบต่างๆ ในการเป็นศิลปิน และแน่นอนว่าท้ายที่สุดนักเรียนทุกคนจะต้องสอบไฟน่อลเพื่อประเมินผลว่า พวกเขาได้รับความรู้อะไรไปบ้างจากห้องทดลองแห่งนี้ Sanook! Music จึงนึกสนุก ทำแบบประเมินตนเองขึ้นมาทั้งหมด 5 ข้อ และให้ตัวแทนของทั้ง 6 วง ไม่ว่าจะเป็น เติร์ด-อนุโรจน์ เกตุเลขา นักร้องนำวง Tilly Birds, กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ นักร้องนำและมือกีตาร์วง Three Man Down, หญิง-ชนิตา วชิรเสรีชัย นักร้องนำวง Methane, เอ้-กิติพงษ์ ถนอมบุญ นักร้องนำวง Commander, เบส-ธีรพล อินมีทรัพย์ นักร้องนำวง สำราญรื่น รวมถึง บอส-ภคภพ เต็งสุวรรณ์, เต้-จิตริน เจนขจรเกียรติ, เคน-บรรณวัชร ธนพัฒน์เจริญ และ แชมป์-อิสระ เปรมผลกมล สมาชิกจาก Terrorbun มาตอบแบบทดสอบดังกล่าวอย่างเป็นจริงเป็นจัง และเจาะลึกสุดๆ ซึ่งนี่อาจเป็นการมองย้อนกลับไปสู่สิ่งที่พวกเขาทำมาตลอดทั้งซีซั่น เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพแห่งค่าย Gene Lab และมีผลงานเพลงอย่างเต็มตัวในเร็ววันนี้

Band Lab

Band Lab

 

ข้อ 1) ซีซั่นเปิดตัวของรายการ Band Lab สิ้นสุดลงทั้ง 13 อีพีแล้ว อยากให้แต่ละวงประเมินจุดแข็งและจุดด้อยของตัวเองสักหน่อย

เติร์ด Tilly Birds : ข้อบกพร่องคงเป็นเรื่องจำนวนคนในวงที่มีน้อย จากตอนแรกมี 5 ตอนนี้เหลือ 3 คน พอมันน้อยแล้วเราต้องหาแบ็คอัพ ซึ่งส่งผลต่อการเล่นสดมาก เพราะพอไปเอาคนอื่นมาเล่นมันจะไม่เหมือนสมาชิกที่เขาเล่นเป็นสไตล์หรือกลิ่นของเขาเอง แต่ Tilly Birds ก็ใช้ตรงนั้นมาเป็นข้อดีนะ โอเคเรามีกันอยู่ 3 คนแค่นี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรเราก็ต้องทำให้ได้ เหมือนเป็นจุดผลักดันให้เราถีบตัวเองขึ้นมาว่า 3 คนก็ต้องรอด ส่วนข้อดีก็คงเป็นเรื่องเวลาทำงาน เราเจอโหมดที่ดีของวงตัวเอง เพราะในรายการเราไม่เคยโดนสถานการณ์ที่กดดันขนาดนี้ แต่งเพลงภายใน 3 วัน ถ่ายรูปเซ็ตแฟชั่นภายใน 1 นาที มันทำให้เราปลดล็อคทักษะที่จำเป็นบางอย่างในการทำงานแล้วมันดีต่อวง

กิต Three Man Down : ข้อดีของ Three Man Down คือความกลมเกลียวครับ ต้องบอกก่อนว่าพวกเราเป็นวงที่มีพื้นฐานการทำงานคล้ายๆ รูปแบบการทำงานของออร์แกไนซ์หรือกองถ่ายภาพยนตร์ การเคารพหน้าที่ของกันและกันจึงสูง แบบว่าถ้าผิดก็ชี้หน้าด่าได้เลย แต่พองานจบก็ไม่คิดอะไร เอางานเป็นตัวตั้ง เพราะฉะนั้นทุกคนมีหน้าที่ชัดเจน และต้องฟัง ต้องเคารพความคิดของเพื่อนในวง ถ้าเปรียบเป็นเรือ Three Man Down จะขับตรงอย่างเดียว ไม่ค่อยเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา มันเลยดูเหมือนว่าพวกเราดื้อบ้าง เพราะเราหันหัวเรือมาทางนี้ ด้วยความเร็วเท่านี้มาเป็นปีแล้ว ส่วนข้อเสียก็คือ เราต้องการเวลาเตรียมตัวในทุกๆ อย่าง เรากลัวเวลาที่จะต้องทำอะไรโดยไม่เตรียมตัว เราต้องการการวางแผน 120% เพื่อให้หน้างานเป็น 100% ซึ่งในรายการก็มีภารกิจในลักษณะนั้นให้ทำ เข้าใจแหละว่าถ้าเป็นมืออาชีพจริงๆ ต้องทำได้ แต่พวกเรายังขาดจุดนั้นอยู่

เติร์ด นักร้องนำวง Tilly Birds

เติร์ด นักร้องนำวง Tilly Birds

 

บอส Terrorbun : อย่าง Terrorbun มีสมาชิกในวงเยอะ ผมมองว่าเป็นทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างความที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย 7-8 ปีแล้ว ก็เลยทำให้รู้ไส้รู้พุงกันหมดทุกอย่าง แล้ววงเราค่อนข้างฟังก์ชั่นเยอะจากการที่ต้องมีเต้นด้วย มีการจัดรูปแบบวงบนเวที มีการดีไซน์โชว์ ความสนุกสนานสำคัญเป็นอันดับแรก พอเจอโจทย์ในช่วงอีพีแรกๆ เราเลยแก้ปัญหาไม่ทัน จัดการกับมันไม่ได้ มันเหมือนเป็น Worst case ที่เราต้องแก้ไขภายใน 5 นาทีทุกอัน ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริงเราอาจจะมีเวลา 1 สัปดาห์

เต้ Terrorbun : วงเรามีฟร้อนต์แมน 3 คน การแบ่งหน้าที่ชัดเจนว่าใครทำอะไรด้วยเวลาอันจำกัดมันทำได้ยากในระดับหนึ่ง

เบส สำราญรื่น : ส่วน สำราญรื่น ข้อดีคือเราเล่นดนตรีด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ เล่นดนตรีกลางคืนมาด้วยกัน เราก็จะได้รับการปลูกฝังว่าต้องมีซ้อมกันอยู่แล้ว แต่สิ่งนี้ก็ทำให้ความเพียรในการซ้อมและการคุยมันน้อยลงเหมือนกันนะ แต่สิ่งหนึ่งที่วงเรามีกันแน่ๆ คือความตั้งใจจริงๆ เราเป็นวงจากต่างจังหวัด ถ้าพูดในแง่น้ำเน่าคือเราทำตามความฝัน ก่อนหน้านี้มันก็มีความคิดบางอย่างติดตัวเรามาแหละ บางทีเราเจอวงกลางคืนที่พูดกันตรงๆ คือ ด้อยกว่าเราก็มี เก่งกว่าเราก็มี เราก็เลยมีความทะนงตัวว่าเราต้องทำได้ จนวันแรกที่เข้ามาในรายการ เห็น Tilly Birds ที่มีจำนวนคนอยู่เท่านั้น พี่ทีมงานคนหนึ่งก็อุทานขึ้นมาว่า เจ๋งว่ะ ดีว่ะ มันทำให้เราคิดว่า เรายังไม่ได้เก่ง ยังมีคนอื่นที่เก่งกว่าเรา ยอมรับเลยว่าช่วงแรกๆ กลัวมาก กลัวที่จะเปิดรับ กลัวที่จะเรียนรู้ กลัวเจอสิ่งที่ดีกว่า สูงกว่า จนทำให้พวกเรากลมเกลียวกันมากขึ้น ลดความกลัวลงไป แล้วถ้าใครดูรายการจะรู้ว่า สำราญรื่น จะรั้งอยู่ที่อันดับท้ายๆ เกือบตลอด มันเป็นสิ่งเตือนใจว่า เราควรต้องพยายามทำให้ดีกว่านี้ ดีไปเรื่อยๆ ส่วนข้อเสียอาจจะอยู่ที่ตัวผมเอง ผมชอบน้อยใจในตัวเอง ชอบติดภาพลบในทุกๆ อย่าง เป็นคนเซนซิทีฟ ชอบเก็บคำติชมมาคิดมากเกินไป ชอบตั้งความหวังไว้สูง พอตกลงมาก็เจ็บเอง จนมาถึงอีพีหนึ่งที่ผมรู้สึกผิดกับตัวเองมาก ก็คือการที่ผมน้อยใจตัวเองแล้วมีผลกระทบต่อเพื่อนในวงและคนอื่นๆ ด้วย ก็คิดว่าไม่ใช่แล้ว ถ้าเราจะเป็นมืออาชีพ จะเดินทางสายนี้แล้ว เราต้องก้าวขึ้นไปอยู่ในอีกระดับหนึ่งให้ได้

Tilly Birds

Tilly Birds

 

เอ้ Commander : อาจจะคล้ายๆ กับ สำราญรื่น คือ Commander เป็นวงที่อยู่ด้วยกันมาค่อนข้างนาน ทั้งการทำงานเพลง การเล่นกลางคืน มันรู้จักกันมากๆ ชั่วโมงบิน ประสบการณ์ต่างๆ การทำงานต่างคนก็ต่างรู้หน้าที่ ในวงมี 4 คน ก็โปรดิวซ์กันทุกคนในแนวทางที่แต่ละคนชอบ แต่ข้อเสียของวงเราก็คือการโปรดิวซ์กันทั้ง 4 คนนี่แหละ มันชนกัน คนนี้ชอบแบบนั้น คนนั้นชอบแบบนี้ หรืออย่างในรายการ อีพีท้ายๆ ที่ผมต้องร้องเพลงศิลปินหญิง ต้องร่วมงานกับวงอื่น ด้วยก่อนหน้านี้เราก็จะอยู่แต่กับวง อยู่แต่กับตัวเอง มันก็เลยอาจเป็นสิ่งที่พวกเราไม่ค่อยถนัด

หญิง Methane : ข้อบกพร่องของเราก็คือ เราเป็นวงดนตรีที่เริ่มต้นเร็วมั้งคะ เรายังอายุน้อย ประสบการณ์รอบด้านยังมีไม่พอ ทำให้เหมือนเรายังคงอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ของเราอยู่ การจะเริ่มทำหรือเสี่ยงกับอะไรสักอย่าง เรายังไม่กล้าเปิดรับมันอยู่พอสมควร แต่พอเรารู้แล้วว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เราขาด ซึ่งถ้าเราไม่เดินเข้าไปหามัน ก็จะไม่สามารถรับอะไรได้เลย เพราะฉะนั้น Methane จึงเลือกจะรับฟังคำของคนอื่นมากขึ้น และอีกด้านหนึ่ง Methane อยู่ในเส้นทางการประกวดมาตลอด ทำให้ทุกคนติดภาพการโชว์หรือการเล่นดนตรีที่เหมือนวงประกวด ข้อดีคือเราพยายามที่จะลบตรงนั้นออก และก้าวไปสู่การเป็นศิลปินมากยิ่งขึ้น

 

ข้อ 2) จากข้อบกพร่องที่พวกคุณพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ จะยกระดับให้ดีขึ้นได้อย่างไรในอนาคต?

หญิง Methane : สำหรับ Methane คงต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปค่ะ เหมือนบางอย่างมันก็ถูกฝังอยู่ในตัวเราเองโดยไม่รู้ตัว ก็คงต้องแก้ไขปัญหากันไปเรื่อยๆ บางทีเราวางแผนแล้วล่ะ แต่เราอาจไม่สามารถทำตามนั้นได้อย่างที่ใจต้องการ ก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวลา

เอ้ Commander : คือ Commander มีสิ่งที่ติดตัวมาก็คือ ภาพของการเล่นกลางคืน การเอนเตอร์เทน บิลด์คนดู เราต้องปรับใหม่หมด การเป็นศิลปินเราจะไปร้องเหมือนร้านเหล้าไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งเราอยู่ตรงนั้นมาเป็น 10 ปี ก็ค่อนข้างยากและฝืนตัวเองอย่างมาก อย่างผมเป็นคนที่ร้องโวยวายมาก เป็นนักร้องที่ใช้พลังงานบนเวทีสูง คือเดือดมาก แต่พอมาถึงตอนนี้ เราก็ต้องเซฟตัวเอง หลักๆ เลยคือเราต้องการโปรดิวเซอร์ในการทำเพลงครับ 4 คน 4 ความคิด มันฟุ้งเกินไป

โชว์บนเวทีของวง Methane 

เบส สำราญรื่น : เราต้องการโปรดิวเซอร์เช่นกันครับ คนที่มาช่วยคิด ช่วยตัดขอบ ช่วยเพิ่มเติมแต่ง ถ้าจะให้พูดตรงๆ เพลงของ สำราญรื่น มันเรียบมากจนกลายเป็นเส้นขนาน ไม่มีความพีค ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เราสามารถเขียนเพลงได้นะ เขียนเมโลดี้ ทำเพลงๆ หนึ่งขึ้นมาได้ แต่มันก็เป็นแค่ก้อนกระดาษก้อนหนึ่งที่ถูกขยำไว้ มันไม่มีใครมาคลี่แล้วทำให้มันเรียบได้ เราต้องการความรู้ใหม่ๆ ในการผลิตผลงานเพลงจากโปรดิวเซอร์

แชมป์ Terrorbun : ผมคิดว่าน่าจะเป็นสกิลส่วนตัวของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่เก่ง แต่คิดว่าต้องเก่งขึ้นกว่านี้ ถ้าสกิลดี มันก็จะเป็นธรรมชาติขึ้น เพราะบางทีพอเราสนุกเกินไป ผลงานที่ออกมาก็จะล้น

บอส Terrorbun : คือ Terrorbun เลือกเดินทางสายนี้แล้ว เราจะเป็นแบบนี้ มันเลยต้องโฟกัสหลายอย่างมากๆ แต่พอโฟกัสอะไรบางอย่างมากๆ ความสนุกของ Terrorbun หายไปเลย พอเครียด Terrorbun ก็จะไม่ใช่ Terrorbun อีกต่อไป

หญิง นักร้องนำวง Methane

หญิง นักร้องนำวง Methane

 

กิต Three Man Down : เราจะกลับไปเล่นสดกันครับ ต้องบอกก่อนว่าวงเราไม่มีใครเก่งเรื่องดนตรีเลย ไม่มีใครเรียนดนตรี ผมไม่ได้เป็นนักร้องที่ดีขนาดเติร์ด ถ้า Terrorbun บอกว่าตัวเองอ่อน วงผมคือโคตรกาก ทุกคนใช้ความรู้สึกเล่น มีท่าไม้ตายท่าเดียว ดิ้นไปสู่แนวทางอื่นไม่ได้ เราจึงต้องการการเตรียมตัวมากกว่าคนอื่นเพื่อลบจุดอ่อนของวง แต่การเตรียมตัวของเราคือใช้ MD ซึ่งพอไม่มี MD เราเล่นสดไม่ได้เลยนะ อย่างตอนต้องแบทเทิลเพลง “ปล่อย” กับ Commander คือเราเครียดมากจนจะขอยอมแพ้ เราไม่ได้คิดอะไรมาเลย แต่สุดท้ายแล้วทุกคนเล่นด้วยสัญชาตญาณล้วนๆ ไม่มีการนัดกันเลย เราเลยมาคุยกันว่า เมื่อก่อนตอนตั้งวงแรกๆ เรายังทำได้ พอมาใช้ระบบต่างๆ มันก็ทำให้เราลืมไปแล้วว่า เราก็เล่นสดได้ Three Man Down ต้องเก่งขึ้น เก่งขึ้นอีกมากๆ เผื่อว่ามีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก เราจะได้ไม่เหวอแบบนั้น

เติร์ด Tilly Birds : เราก็จะเอาข้อบกพร่องในเรื่องจำนวนคนมาทำให้เราแข็งแกร่ง The Beatles มี 4 คนยังรอดเลย Three Bandit มีแค่ 3 Royal Blood หรือ The White Stripes มีแค่ 2 คน ฉะนั้น Tilly Birds ก็ต้องรอด พวกเรา 3 คนชอบ The Beatles มาก ชอบจนไปศึกาว่าเขาทำอย่างไรคนถึงชอบทั้งโลก คน 4 คนขึ้นไปยืนบนเวทีเซ็นทรัลพาร์คได้อย่างไร การตลาดเขาทำอย่างไร เราต้องดิ้นรน ถีบตัวเองขึ้นไปให้ได้ ทำอย่างไรก็ได้ให้เราเป็น The Beatles 3 คนให้ได้

 

ข้อ 3) มาถึงตอนนี้ เชื่อว่ายังมีคนไม่รู้จักพวกคุณทั้ง 6 วง ถ้ามีคนเดินมาถามว่าพวกคุณคือใคร จะตอบเขาว่าอะไร?

บอส Terrorbun : Terrorbun เป็นวงดนตรีที่ทำอย่างไรก็ได้ให้คนดูยิ้ม เริ่มจากการทำเรื่องไร้สาระให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เอาจุดอ่อนมาทำเป็นจุดเด่น สุดท้ายมันคือการที่เราสนุกกับการครีเอตไปเรื่อยๆ และเรามีความสุขเวลาเห็นแค่คนดูยิ้มกับอะไรก็ได้ ถึงเราจะทำอะไรไร้สาระแต่คนดูยิ้ม เราก็พอใจแล้ว

(จากซ้าย) เคน, แชมป์, บอส, เต้ จากวง Terrorbun

(จากซ้าย) เคน, แชมป์, บอส, เต้ จากวง Terrorbun

 

เอ้ Commander : Commander คือวงร็อคครับ (หัวเราะ) วงร็อครุ่นใหม่ จากค่ายใหม่ ที่มีความเป็นตัวเอง ถ้าถามความแตกต่างคงต้องไปดูเราบนเวที คือเรามีสีสัน มีเพอร์ฟอร์แมนซ์ที่ชัดเจนเวลาเล่นสดครับ

กิต Three Man Down : Three Man Down คือคนๆ หนึ่งที่อยู่ได้ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นงานที่เป็นทางการหรือไม่เป็นทางการก็ตาม งานแต่งเราก็ไป ผับเราก็เล่นได้ พยายามทำให้ตัวเองอยู่ได้ในทุกๆ ที่ เป็นอะไรที่เรียบ แต่ดูแพง และเราก็อยากให้คนจำ Three Man Down ได้ด้วย จำเพลงของเราได้ด้วย

เติร์ด Tilly Birds : ถ้าพูดแบบบ้านๆ Tilly Birds เป็นวงป็อปร็อคที่นักร้องร้องสไตล์โซล (หัวเราะ) Tilly Birds ก็คือนกนั่นแหละครับ นกที่อยากให้มอบอะไรใหม่ๆ ให้กับวงการเพลงไทย เพราะเราเชื่อในระดับหนึ่งว่าสิ่งที่เราทำค่อนข้างไม่เหมือนใคร และใหม่ในระดับหนึ่ง ไม่น่าจะมีวงที่เอานักร้องมาร้องแบบนี้ ในเพลงแบบนี้ จนเพลงกลายเป็นแบบนี้ จริงๆ เราเริ่มทำเพลงสากลมาก่อน เราเปลี่ยนมาทำเพลงไทยเพราะอยากเจาะตลาดไทย ความฝันสูงสุดของ Tilly Birds คือการไปเมืองนอก คือ Glastonbury ถ้าเราเป็นนกที่ยังบินไหว เราก็จะพยายามจะบินไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ แต่เราก็ต้องทำในจุดนี้ก่อน คือเป็นนกที่เชื่อว่าตัวเองมีปีกที่แข็งแรงพอที่จะบินในวงการเพลง

Terrorbun ที่จะมาพร้อมความสนุกสนานทุกครั้งที่ขึ้นเวที

หญิง Methane : อย่างพวกพี่ๆ เขาอยู่เส้นตรงกลางใช่ไหม แต่ Methane ยังอยู่ในหลืบที่ทุกคนมองไม่เห็น ทำให้ไม่ว่าจะมีอากาศหรืออะไรเข้าไป มันเป็นไปได้ยาก แต่ถ้าสมมติว่า Methane เป็นก๊าซ แล้วเกิดมีอะไรสักอย่างมาผลักให้เราสามารถติดไฟหรือระเบิดได้ เราก็จะทำอย่างเต็มที่ Methane เป็นแบบนั้น

เบส สำราญรื่น : สำราญรื่น คือกลุ่มเด็กบ้านนอกครับ พูดอย่างไม่อาย ซึ่งเราต้องมาทำตามความฝันในกรุงเทพฯ แล้วเราก็คิดว่าต้องไปให้ได้ไกลกว่านี้ เราเชื่อมั่นว่าเด็กบ้านนอกอย่างเราต้องทำได้ พวกเรามาถึงวันนี้ได้เพราะไอ้ความที่เราเป็นเด็กบ้านนอกนี่แหละ มันเป็นความภาคภูมิใจ

 

ข้อ 4) จนมาถึงทุกวันนี้ คำว่า “ศิลปินที่ดี” คืออะไร?

กิต Three Man Down : ผมว่ามุมมองมันเปลี่ยนไปตามอายุ อย่างผมที่เป็นนักร้อง เมื่อก่อนตอนมัธยมก็คิดว่าจะต้องร้องเพลงเพราะ ต้องเอนเตอร์เทนคนได้ พอขึ้นมหา’ลัยเราอยากเป็นศิลปิน เราจะต้องมีเพลงของตัวเอง เราต้องเชื่อในเพลงของตัวเองก่อน ไม่อย่างนั้นคนฟังจะเชื่อในเพลงของเราได้อย่างไร แล้วผมจะไม่แสดงออกในสิ่งที่ผมไม่เชื่อ ถ้าผมร้องเพลงเศร้า แต่ไม่ได้เศร้า ผมจะไม่แอ็คติ้งใส่คนดู หลังจบมหา’ลัยเราก็เชื่อในแบบของเราไปเรื่อยๆ เมื่อก่อน Three Man Down เล่นแนวโพสต์ร็อค จะมีความลึกในเรื่องของเนื้อหาและซาวด์ เราสนุก เราเชื่อในเพลงของเรามาก บางคอนเสิร์ตเราร้องไห้ เราทุกของบางอย่างแล้วมัน impace มาก มัน emotional มาก สุดท้ายพอเราก้าวข้ามจุดนั้นมาสู่อีกจุดหนึ่งคือทุกวันนี้ ศิลปินที่ดีสำหรับผมคือ ทำให้เขาเชื่อในแบบที่เราเชื่อ นี่คือสุดยอดของความเชื่อแล้ว

Three Man Down

เต้ Terrorbun : ขอเสริมจากกิตนิดหนึ่ง ด้วยความที่เราเป็นศิลปิน ก็จะมีคนรู้จักเรามากขึ้น ทุกคนโฟกัสมาที่เรา การทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคมก็จำเป็น

แชมป์ Terrorbun : ผมมองว่าการเป็นตัวเองน่ะสำคัญ คือมันอาจจะมีหลายๆ คอมเมนต์ต่างๆ นานาที่มองว่า เวลาผมอยู่บนเวที ผมตลกไปหรือเปล่า แต่ความจริงคือผมไม่ได้เป็นแร็ปเปอร์สไตล์เท่ ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ สิ่งที่ผมทำคือธรรมชาติมาก ผมก็เป็นตัวผมนี่แหละ

บอส Terrorbun : นี่อาจจะเป็นอีกจุดหนึ่งที่ Terrorbun มีก็คือ มุมมองที่ค่อนข้างแตกต่างกันอยู่แล้ว สำหรับผม ศิลปินที่ดีอาจจะเป็นแค่การที่เราทำผลงานชิ้นหนึ่งออกไป ไม่ว่าจะเศร้าหรือสนุก แต่ผลงานนั้นทำให้คนดูได้เรียนรู้อะไรสักอย่างมากกว่า เช่น Terrorbun อาจจะแค่พยายามเต้นให้คนดูสนุก แต่คนดูกลับได้แรงบันดาลใจว่าอยากจะเต้นให้ดีขึ้น สำหรับผมเป็นอย่างนั้น

กิต นักร้องนำและมือกีตาร์วง Three Man Down

กิต นักร้องนำและมือกีตาร์วง Three Man Down

 

เติร์ด Tilly Birds : โดยส่วนตัวผมยังไม่กล้าเรียกตัวเองเป็นศิลปินเลย คือมันอยู่สูงมาก และคำๆ ในสมัยนี้เป็นคำที่ถูกนำมาใช้กันอย่างไม่มีคุณค่า คุณแค่เล่นซีรีส์เรื่องหนึ่ง คุณออกมาให้สัมภาษณ์ คนก็ตีตราว่าคุณเป็นศิลปินแล้ว ผมว่าศิลปินต้องทำงานหนักในระดับหนึ่งเพื่อที่จะไปถึงจุดนั้น สำหรับผมคำว่าศิลปินคือ The Beatles, Michael Jackson, Jimi Hendrix, B.B. King, Nina Simone แต่เรายังไปไม่ถึงจุดนั้น ศิลปินที่ดีคือคนที่ทำให้เพลงของตนเองไปเป็นเพลงของคนอื่นได้ สมมติเราทำเพลงมาเพลงหนึ่ง คนฟังมีอะไรบางอย่างที่สามารถเชื่อมโยงกับเพลงนี้ได้ แล้วทำให้เขาเชื่อในเพลงนี้เท่ากับที่เราเชื่อในเพลงนั้น ศิลปินที่ดีคือคนที่เปลี่ยนโลก คือคนที่สร้างโลกของตัวเองขึ้นมาได้ และทำให้คนเข้ามาอยู่ในโลกนั้นอย่างมีความสุข

เบส สำราญรื่น : จริงๆ คล้ายๆ เติร์ด คือเราไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิลปิน เราต้องทำงานหนักกว่านี้ แล้วสร้างผลงานที่มันระบือโลก ตอนนี้ผมเป็นนักร้อง ผมต้องวางตัวให้เหมาะสม แต่ผมก็ยังเป็นไอ้เบสคนเดิม ไม่ต้องมองว่าผมเป็นศิลปินหรอก ผมยังต้องเหนื่อยกว่านี้

การแสดงสดของ สำราญรื่น

เอ้ Commander : สำหรับผมศิลปินคือคนที่ทำงานไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ วาดรูป แต่งเพลง เขียนเพลง มันคือสิ่งที่สันดาปออกมาจากความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง จากจิตวิญญาณ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรือว่าใครคนไหนก็ทำได้ แล้วศิลปินที่ดีก็ต้องได้รับการยอมรับจากสังคมในทุกสาขาอาชีพแขนงที่ตัวเองเป็น น้องๆ เขาพูดมาหมดแล้วล่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นในตัวของศิลปิน หรือคนที่บอกตัวเองว่าเป็นศิลปินก็คือคำว่า อีโก้ ซึ่งมันมีอยู่ในตัวทุกคน แต่ผมว่าศิลปินที่ดีไม่ควรมีอีโก้

หญิง Methane : ศิลปินเหมือนต้นแบบที่มีความลงตัวในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านการวางตัว การสร้างผลงานที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการต่อยอดไปทำอะไรสักอย่างได้อย่างที่พี่บอสพูด หรืออาจจะเป็นใครสักคนที่ทำให้เกิดความเชื่อ ความศรัทธาในทุกๆ อย่างที่เขาทำ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ทุกคนจะต้องโฟกัสความเชื่อไปที่คนๆ นี้ว่า ทำแบบนี้แล้วดี เราอยากทำตาม

เบส นักร้องนำวง สำราญรื่น

เบส นักร้องนำวง สำราญรื่น

 

ข้อ 5) ห้องทดลอง Band Lab ได้มอบอะไรให้กับพวกคุณบ้าง?

หญิง Methane : Band Lab สอนทุกอย่างที่ Methane ไม่เคยรู้มาก่อน เป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรเร็วขนาดนี้เหมือนกัน แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ทำให้เราสามารถเดินไปได้ไกลขึ้น อย่างมั่นคงค่ะ

เอ้ Commander : เราได้เปิดโลกครับ น้องๆ อีก 5 วงมันต่างกันหมดเลยคนละแนวทาง แล้วเด็กพวกนี้เก่ง เราคิดว่าเราพอทำได้ในระดับหนึ่งที่เราทำงานเพลงมา แต่เราทำงานอยู่ด้านเดียวในแนวทางป็อปร้อค แต่พอมาเจอน้องๆ เราต้องหยุดฟัง หยุดดูความคิดเขา โลกมันไปไกลแล้ว (หัวเราะ)

เอ้ นักร้องนำวง Commander

เอ้ นักร้องนำวง Commander

 

เบส สำราญรื่น : Band Lab เหมือนโรงเรียนแห่งหนึ่ง เราเป็นนักเรียน มีอาจารย์หลายคน แน่นอนว่าในชั้นเรียนมันก็ต้องมีเด็กหน้าห้อง ที่ไม่ต้องถามเลยว่าใคร เก่งทุกอย่าง ได้ที่ 1 เกือบตลอด มีเด็กหลังห้องเกเรๆ แต่ก็มีความมุ่งมั่น เด็กบ้านรวย มีมันทุกอย่าง เด็กอินเตอร์ที่มีของเล่นใหม่ตลอดเวลา มีเด็กที่ชวนเราออกนอกกรอบบ้าง ชวนเราไปเกเรบ้าง แต่ก็ยังตบเราให้อยู่ในห้องเรียนตลอด เหมือนว่าเราได้เรียนรู้ ได้เจออะไรไปด้วยกัน แรกๆ มันอาจจะเขินๆ อาจจะไม่ยอมรับว่า เฮ้ย คนนี้เราหมั่นไส้มันว่ะ ช่วงแรกๆ ไม่เคยแตะต้อง ไม่กล้าคุยกับเติร์ดเลย เดี๋ยวนี้ผมจับตูดมัน เตะตูดมัน (หัวเราะ) ท้ายที่สุดพวกเราทุกคนอยู่ด้วยกันจนจบหลักสูตร นั่นคือการที่เราได้เป็นศิลปินในมุมมองของตัวเอง

แชมป์ Terrorbun : ผมได้ความกระหายจากที่นี่ เพราะทุกคนในนี้เก่งหมด เห็นแล้วอยากจะเก่งกว่านี้ อยากพัฒนาตัวเอง

บอส Terrorbun : ฟีลเหมือนได้เจลเบรก (หัวเราะ) มันทำให้เรารู้ทุกอย่างที่ Band Lab ต้องการจะสื่อ เหตุการณ์ทุกอย่างที่ควรจะเป็น เอามาอยู่ในเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิตจริง ทำให้ทุกอย่างโดนปลดล็อค และรู้สึกว่าโฟกัสทุกอย่างง่ายขึ้น และโฟกัสตรงจุดมากขึ้นในการที่เราจะทำอะไรสักอย่าง

โชว์พลังร็อคของ Commander

กิต Three Man Down : Three Man Down มีอีกมุมหนึ่งที่เคยอยู่ในจักรวาลของอินดี้มาก่อน จักรวาลที่ทุกคนมีของไว้ทิ่มแทงกัน เราต้องหาเอกลักษณ์ ถ้าเราไม่มี เราอยู่ไม่ได้ โดนเขาทิ่มตายหมด ทุกวันนี้พวกเราจึงเป็นอย่างนั้นเพื่อนที่จะอยู่รอดในสังคมนั้น เวลาผ่านพ้นมา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับเราคือการเข้าสู่เมนสตรีม เรากลัวที่จะแมส ทั้งๆ ที่เพลงเราก็ป็อป เราก็งงเหมือนกัน ตอนแรกไม่อยากมาเข้ารายการ Band Lab นะ เฮ้ย ไม่ไปได้ไหมวะ เรากลัวทุกอย่าง เพราะเราอยู่ในสังคมที่มองเมนสตรีมเป็นอีกแบบหนึ่ง อย่างอีพีแรกยอมรับเลยว่า Three Man Down มีอีโก้ในความที่เราไม่เคยอยู่ในโลกนี้ และเราก็ไม่อยากอยู่โลกนี้ด้วย ก็คิดว่าทนๆ ไป 13 อีพี แต่การแบทเทิลกับพี่ๆ Commander คือค้อนที่มาทุบกำแพงของเราให้แตกละเอียด นี่มันคือดนตรีเหมือนกันเปล่าวะ ทำไมเราต้องแบ่งแยก เพราะทุกคนเข้ามาเพื่อเล่นดนตรี พี่เขาก็เป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี Three Man Down ลดอีโก้ลงมาเยอะมาก ทุกวันนี้ได้หมด เป็นบอยแบนด์ก็เป็นได้ นี่คือสิ่งที่ Band Lab สอน

เติร์ด Tilly Birds : มันมีคำๆ หนึ่งที่พี่โอม (ปัณฑพล ประสารราชกิจ-นักร้องนำวง Cocktail) เคยพูดก็คือ รายการนี้คือแบบจำลองประสบการณ์ของศิลปินและนักดนตรีในชีวิตจริง ที่ถูกย่นย่อมาให้อยู่ในรูปแบบรายการเรียลลิตี้ คือมันสอนให้เรารู้ว่า ก่อนจะออกไปเจอโลกจริงในชีวิตจริงหลังรายการจบนั้นมันเป็นอย่างไร โลกข้างนอกเราจะเจอกับอะไรบ้าง เราจะต้องไปเล่นดนตรีในที่แบบนี้ ต้องเจอโจทย์แบบนี้ ต้องทำงานร่วมกับคนแบบนี้ เราจะต้องเปลี่ยนรูปแบบเพลงของเราให้ได้ ต้องรับได้ถ้าเพลงไม่มีคนชอบ พี่ๆ ทุกคนเอาประสบการณ์ที่เขาเจอมาทุกอย่างในชีวิตมาบรรจบกันเป็นรายการนี้ แล้วเราก็ได้เรียนรู้ในจุดนั้นจริงๆ มันเหมือนเป็นค่ายรด.ที่เขาชนไก่ของนักดนตรีที่จะต้องฝ่าอุปสรรคไป เพื่อที่จะเตรียมพร้อมหรือเป็นคู่มือการเอาตัวรอดสำหรับการเจอในชีวิตจริง

ภาพความประทับใจ

 

Story by: Chanon B.
Photos by: Sanook! Music, Band Lab

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ แบบประเมินตนเองสุดเข้มข้นของ 6 วงดนตรีหน้าใหม่จากห้องทดลองที่ชื่อ “Band Lab”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook