"ลิปตา" 12 ปีบนเส้นทางดนตรี กับการทำเพลงที่เหมือนวิ่งมาราธอน! | Sanook Music

"ลิปตา" 12 ปีบนเส้นทางดนตรี กับการทำเพลงที่เหมือนวิ่งมาราธอน!

"ลิปตา" 12 ปีบนเส้นทางดนตรี กับการทำเพลงที่เหมือนวิ่งมาราธอน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าพูดถึงศิลปินกลุ่มที่มีภาพลักษณ์สนุกสนานและความสามารถในการทำเพลงที่โดดเด่น หลายคนต้องนึกถึงวงดูโอ้ ลิปตากันแน่นอน เพราะ คัตโตะ - แทน นั้นได้นำตัวตนและความสามารถพวกเขามาทำบทเพลงฮิตและคอนเสิร์ตใหญ่ที่ตราตรึงใจแฟนเพลงหลายๆคนจนทุกวันนี้ 

 

ซึ่งล่าสุดทางวงก็ได้ปล่อยเพลง Bad Luck ออกมา และได้มาเยี่ยมเยียนทาง Sanook! Music เพื่อเล่าถึงผลงานใหม่พวกเขา ซึ่งทั้งสองหนุ่มนั้นมาเยี่ยมทีมงานด้วยความเฮฮาและมุกเฮฮาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกัน จนทำให้การสัมภาษณ์ครั้งนี้เต็มไปด้วยความเป็นกันเองและสนุกสนาน 

 

 

ก่อนหน้าเพลง Bad Luck พี่ๆมากับเพลง รอเธอเสียใจ กระแสตอบรับเป็นอย่างไร

คัตโตะ : กระแสเพลงนี้ดีมากครับในกลุ่มคนฟังเพลงยุค 90s เด็กๆก็โอเคแต่ผู้ใหญ่จะชอบมาก เวลาไปไหนดีเจและเพื่อนร่วมรุ่นเขาจะเข้ามาบอกว่า “นี่มันเพลงยุคเราเลย” ดีใจมากที่ได้ฟังเพลงแบบนี้อีก

แทน : คนที่อายุ 30 ขึ้นไปหลายคนเขาฟังท่อนแรกเขาก็ยิ้มกันแล้วครับ ถ้าเป็นเด็กๆจะรอฟังท่อนฮุคกัน แต่ผู้ใหญ่ตอนฟังเขาจะชอบท่อนกีต้าร์ท่อนโซโล่ที่ขึ้นมา เขาจะนึกถึงเพลงในสมัยที่เป็นวัยรุ่นกันครับ

 

กลับมาคราวนี้พี่ๆมากับเพลง Badluck เพลงนี้มีที่มาอย่างไร

แทน : จริงๆชุดนี้ก็เขียนมานานแล้ว พร้อมๆกับเพลง รอเธอเสียใจ ก็เขียนทำนองวันเดียวกันแต่ไม่ได้เขียนเนื้อ พอมาเขียนเนื้อก็ได้ชื่อเพลง Bad Luck ที่เล่าถึงคนที่ไม่มีดวงเรื่องความรัก จะเป็นเพลงที่เศร้าก็ไม่เศร้า จะสุขก็ไม่สุข เป็นเพลงกลางๆที่พูดถึงคนที่ไปไหนก็โชคร้ายครับ

 

ทำไมทางวงถึงนำซาวด์เก่าๆจากยุคแรกของวงกลับมาใช้ในเพลงนี้

คัตโตะ : พวกเราคิดถึงซาวด์แบบนี้ครับ เพลงที่เราฟังทุกวันนี้ก็ซาวด์แบบเก่าๆ คือพวกเราทำเพลงหลายแนว อาร์แอนด์บี ร็อก โซล แต่ตอนนี้มันเหมือนพวกเรากลับไปทำชุดที่หนึ่งกันครับ เพราะมันผ่านมา 12 ปีก็เลยกลับไปทำแบบเดิม คือเหมือนเราผ่านครบรอบนักษัตร 12 ปีแล้วครับ (หัวเราะ)

แทน : ข้อดีของวงลิปตาคือพวกเรามีสองคนและฟังเพลงกันหลายแนว ก็เลยลองทำอะไรหลายๆแบบ เพลงนี้ก็เลยมาทำแบบชุดแรก คนที่ฟังก็บอกว่าได้กลิ่นชุดแรกๆ กันครับ

 

20638885_10156536330319972_18

 

ทางวงมาร่วมงานกับ The Toys ในซิงเกิ้ลได้อย่างไร

แทน : ตอนที่แต่งเพลงนี้ขึ้นมา ก็รู้แล้วว่าจะมีแร็พ เพราะลิปตาก็มี เป้ วงมายด์, Southside หรือ TJ ก็คิดไว้ว่าจะเอาใครมาดี แต่ เบียร์ แฟนคัตโตะเขาสนิทกับ The Toys ครับ

คัตโตะ : จริงๆผมรู้จักน้องตั้งแต่เขาเล่นกีต้าร์และรู้ว่าเขาเก่งมาก และเบียร์ก็บอกว่าน้องเป็นปรากฏการณ์ของวงการเพลงไทยได้ เราก็ตกใจเลยไปหาคลิปที่เขาแสดง เลยรู้ว่าเขาเก่งมาก คือนานๆทีจะได้เห็นแบบนี้ พอฟังเพลงหน้าหนาวที่แล้วก็ชอบ หลังจากนั้นเลยชักชวนให้มาร่วมงานกันครับ พอส่งเพลงให้ฟังเขาก็ชอบ เพราะมันเป็นเพลงซอฟท์โทนในแบบที่เขาชอบ  หลังจากนั้นก็เลยร่วมงานกันเลย  

 

เอ็มวีเพลงนี้มีเนื้อหาพูดถึงอะไร

คัตโตะ : เอ็มวีนี้เรามาพูดคุยกันว่าจะทำอะไร ก็มีทั้งเรื่องราวและผู้กำกับที่อยากทำงานด้วย เลยได้เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่น่ารัก แต่ไม่ได้น่ารักเกินไป เป็นผู้หญิงอายุ 30 ธรรมดาคนหนึ่งที่น่าจะมีแฟนได้ แต่เขาไม่มีแฟนทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ก็เลยมาคุยกับผู้กำกับ

แทน : เอ็มวีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราแคสนักแสดง ซึ่งต่างจากเพลงเก่าๆที่เอาดาราวัยรุ่นมาเล่น มีคนมาร่วมแคสหลายคนจนได้น้องบีมาร่วมงาน ก็ผู้ชายหลายคนมาคอมเม้นต์ว่าน่ารักมาก เอ็มวีนั้นมันง่ายครับ เป็นเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตทำงานและดูซีรี่ย์เกาหลี และก็มีน้องทอยมาร่วมในเอ็มวีด้วย ตอนแรกนึกว่าไลน์ซิงค์จะมีน้อย แต่ไปๆมาๆฉากมันสวยเลยปล่อยให้มีฉากนี้มากกว่าตอนแรกครับ

 

กระแสตอบรับเป็นอย่างไร

คัตโตะ : ดีกว่าที่คิดไว้ครับ เพราะมีหลายคนมาดูน้องทอย ก็มีสาวๆมาดูน้องเยอะมาก ก็ดีมากครับเพราะมันทำให้เรารู้ว่าคนเดี๋ยวนี้ฟังเพลงเบาลง เพราะเพลงต่อไปที่ทำก็จะเป็นแนวนี้เช่นเดียวกันครับ

 

คลิกฟังเพลง Badluck - Lipta Feat The Toys

 

ตอนนี้ทางวงมีแผนเรื่องอัลบั้มไหม

แทน : พวกเราคุยกันไว้ว่าจะเป็นปีหน้าครับ ตอนนี้ก็สะสมเพลงไปไว้เยอะ และยังมีเพลงอีกหลายซิงเกิ้ลที่เราอยากให้แฟนเพลงได้ฟังกันครับ

คัตโตะ : อัลบั้มนี้การทำงานก็สนุกดีครับเพราะได้ทำงานกับคนใหม่ๆ เราทำงานมา 12 ปีแล้ว มันก็สนุกขึ้นเมื่อเราได้คนอื่นมาเล่าด้วย ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่เล่าคนเดียว พอทำไปเรื่อยๆมีคนมาเล่าเรื่องด้วยก็สนุกดีครับ

 

นอกจากเพลงของวงแล้ว พี่ๆก็คัฟเวอร์เพลงของศิลปินคนอื่นแบบจริงจังด้วย ทำไมถึงทำออกมา

แทน : ตอนนั้นชอบเพลง เรื่องที่ขอ” มากครับ และรู้สึกชอบเวลาคัตโตะร้องเพลงนี้ มันเหมือนอีกฟีลเลย ลุลาก็เลยตกลงอยากร่วมงาน ตอนนั้นพอเตรียมกล้องเตรียมห้องอัดเสร็จ คัตโตะก็เลยบอกว่าไหนๆมากันแล้วก็ทำหลายๆเพลงเลย วันนั้นเราใช้สตูดิโอพี่ ปิงปอง Soul After Six ด้วย ก็เลยชวนพี่เขามาแจมคัฟเวอร์เพลง รู้” และตอนนั้นผมไปเขียนเพลง “Restart” ให้ Room39 ก็เลยชวนทอมมาร้องคัฟเวอร์พิเศษกันด้วยรวมเป็นสามเพลง ซึ่งเดี๋ยวปีหน้าน่าจะมีอีกครับ เพราะมีคนก็ถามถึง ก็ขอบคุณค่าย White Music และ ลุลา ที่ให้เราคัฟเวอร์ครับ

 

 

 

การทำเพลงให้ศิลปินอื่น ต่างจากเพลงของวงอย่างไร

แทน : ต่างเยอะเลยครับ เพราะเวลาทำเพลงเองจะตามใจตัวเองกันมาก แต่เวลาทำให้คนอื่นมันก็ต้องดูตัวตนเขาด้วย อย่างล่าสุดผมทำเพลงกับน้อง อิ้ง วรันธร เขาก็จะมีความเป็น 80s synthpop เราก็ต้องทำออกมาให้ตรงกับตัวตนเขาด้วยครับ

 

ล่าสุดทางวงก็ได้เป็นผู้ทำเพลงละคร ให้กับค่ายมาสเตอร์วันด้วย รู้สึกอย่างไรกับโปรเจ็คนี้

คัตโตะ : เวลาทำเพลงละครนี้ก็ต้องเอาบทมาดูก่อน ไม่ได้เขียนจากชีวิตจริงหรือชีวิตใคร พี่แทนก็จะสรุปบทมาให้ก่อน บังเอิญพี่แทนเขาอยากเล่นละครอยู่แล้ว (หัวเราะ) ก็ต้องเอาเรื่องราวมาตีความ ซึ่งบางทีตัวละครเป็นผู้หญิงก็ต้องดูว่าเขาคิดอย่างไร ถึงจะเอาเรื่องราวมุมมองตรงนั้นมาแต่งครับ

แทน : ต้องขอบคุณขอบคุณคุณเอิร์น มาสเตอร์วันครับ เขาชอบผลงานเพลงพวกเรามาก ก็จะส่งเพลงมาให้ทำอยู่ตลอดครับ

 

คิดว่าอะไรคือลายเซ็นในการแต่งเพลงของพวกพี่

แทน : จะว่าเป็นความง่ายก็ไม่ใช่ครับ มันน่าจะเป็นความเข้าถึงง่ายมากกว่าครับ เพราะดนตรีอาจจะซับซ้อนแต่เมโลดี้และเนื้อร้องก็อยากให้มันเข้าใจง่ายๆครับ

คัตโตะ : ผมมีลายมือของตัวเองครับ (หัวเราะ) จริงๆเวลาผมเขียนอะไรคนจะรู้ว่ามันเป็นงานของผมครับ เพราะการวางคำเชื่อมประโยคก็จะเป็นที่เดิมๆครับ อย่างเช่นคำว่า "ก็" ถ้าคนที่ฟังเพลงตลอดก็จะพอเดาทางได้เลยว่าเพลงจะเป็นอย่างไรเวลาฟังท่อนแรกๆ

 

 

ล่าสุดคุณ คัตโตะ ก็มีเพลง ไม่กล้า ที่แต่งให้เบียร์ออกมา เพลงนี้มีจุดเริ่มอย่างไร

คัตโตะ : คือก่อนหน้านี้ น้องเขาทำเพลงมาสองเพลงที่คนอื่นทำให้ คนอื่นก็มองว่าเขาสดชื่นสนุกสนาน แต่จริงๆเขาร้องเพลงช้าดีกว่า ถ้าเพลงมันเหมาะสม เลยมองว่ามันน่าสนใจก็เลยทำให้น้องเขา 5-6 เพลง แต่น้องเขามีละครมีงานถ่ายแบบก็เลยจะช้า แต่จะมีเพลงต่อไปแน่นอน เพลงนี้ผมตั้งใจทำเพลงออกมาเหมือนในยุคโดโจซิตี้ครับ มีความใสๆไม่ลึกเกินไป ไม่ตื้นเกินไปสำหรับเขา เขียนออกมาก็ชอบเพราะเราทำเอง ต่อไปก็จะมีเพลงที่ โอ Room39 และ แทน ทำให้ครับ

 

คุณคัตโตะรู้สึกอย่างไร ที่ผู้ชายหลายคนอิจฉาเรื่องความรัก

คัตโตะ : จริงๆไม่มีอะไรเลยครับ เพราะเรารู้จักกันมานาน เลยไม่คิดว่ามันพิเศษอะไร มันเหมือนปกติที่คบกันธรรมดา เรามองเขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เราเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เรากลับมองว่ามันแปลกด้วยซ้ำ เพราะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดามากแต่หลายคนกลับทำเป็นเรื่องใหญ่โตและมาทัก จนเรามองว่ามันแปลกที่ทำไมมาถามกันเยอะจัง

 

ปกติวัยรุ่นมักจะชอบแชร์แคปชั่นหรือสเตตัสของคุณ คัตโตะ ปกติได้ไอเดียมาจากไหน

คัตโตะ : ส่วนใหญ่คิดเองเลยครับ ก็จะมีจุดที่อยากระบายก็ไม่อยากเขียนในเฟสบุ๊ค เลยไปเขียนที่ทวิตเตอร์เองครับก็จะเป็นการเขียนความรู้สึกครับ ก็มีทั้งช่วงที่ไม่เขียนเลย 10 กว่าวัน วันไหนคิดได้หลายประโยคก็เขียนครับ ก็รู้สึกดีที่เทคโนโลยีช่วยแชร์ความคิดออกไป อย่างสมัยก่อนเขียนในเว็บ Diaryis คนก็จะไม่ค่อยเห็น ถ้าอ่านหลักร้อยและมีคอมเม้นต์สามอันก็ดีใจแล้ว แต่ตอนนี้ก็เขียนก็มีคนอ่านเยอะมาก ก็ขอบคุณมากครับ

 

 

ในการทำงานเพลง  ทางมีวิธีเติมไอเดียและแรงบันดาลใจการทำเพลงอย่างไร

แทน : ผมจะชอบพูดคุยและเม้าส์ครับ คือแบบเพื่อนมีปัญหากับแฟน หรือไปอ่านกระทู้ คืออยากรุ้ไปเรื่อย พอเราไปถามเรื่องจริง ก็จะได้ไอเดียมาทำงาน เพราะบางทีในหนังและละครมันเป็นความคิดที่แปรรูปมาแล้ว ก็เลยหาในบ่อความจริงมากกว่า เพราะมันจริงและสดใหม่ครับ

คัตโตะ : มันเป็นการค้นคว้าข้อมูลในแบบ Mega information คือหาไอเดียจากคนเยอะๆเพื่อหาคำที่ใช่ และฟีลลิ่งที่โดนก็ทำเป็นเพลง ส่วนผมเองก็เหมือนแทนครับ เหมือนในดราก้อนบอลที่ได้พลังจากรอบตัว คือเนื้อเพลงจะได้จากหนังและหนังสือหรือบทความทั่วไป ไม่เคยได้จากเพลงคนอื่น คือแรงบันดาลใจมาจากรอบตัวครับ อย่างภาพวาดที่มาจากท้องฟ้าหรืออาชีพที่ทำตามพ่อแม่ คือสิ่งที่เราอยากทำเราก็มักได้พลังจากสิ่งรอบตัว

 

การทำเพลงเองยากหรือง่ายต่างจากตอนมีค่ายไหม

แทน : ไม่ต่างเลยครับ เพราะเราทำเพลงเองมาตลอด และเราเองก็ยังเคารพและพูดคุยกับเพื่อนๆศิลปินเหมือนเดิม และเราเองก็ทำทุกอย่างทุกเอง มันผ่านเรามาหมด คือคอนเสิร์ต งานเพลง เอ็มวี ภาพปก มันมาจากมือเราหมดเลย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต่างกัน

คัตโตะ : คือยุคนี้ทำเพลงอยู่บ้านเอาขึ้นยูทูปแล้วดัง ก็เป็นอะไรที่ดีมาก คือเทคโนโลยี่พรากบางอย่างไป แต่ก็ได้หลายอย่างกลับมาครับ และระบบในยุคต่อไปการทำเพลงจะเปิดกว้างขึ้น สมัยก่อนต้องรอออดิชั่น แต่เดี๋ยวนี้สนุกและอิสระมากขึ้น ในอนาคตพวกเราก็จะสนุกและอิสระขึ้นเช่นกันครับ

 

 

12 ปีในวงการ ให้อะไรกับพวกคุณบ้าง

คัตโตะ : ให้ทุกอย่างครับ ช่วงเวลาที่ผ่านไปเราก็จะให้เพลงเล่าเรื่องความเติบโต ได้เจออะไรหลายอย่างโดยมีเพลงเป็นแก่นแล้วเราก็พัฒนาตัวเองไป คือถ้าทำงานอื่นอาจไม่ได้เจออะไรแบบนี้ คือไม่มีงานไหนที่เหมือนการวิ่งมาราธอนแบบนี้ที่วิ่งไปแล้วคนให้น้ำ มันเป็นอะไรที่สนุกมากเพราะงานอื่นคงไม่มีคนให้กำลังใจ มันเป็นงานศิลปะที่ไปสู่คนหมู่มากครับ

 

ช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกคุณมีท้อบ้างไหม

แทน : ไม่มีท้อครับ เพราะพวกเราไม่ได้ดังมากและหายไป คือพวกเราดังมาเรื่อยๆครับ แบบเพลงก็อยู่ในชาร์ตนาน คืออยู่กลางๆชาร์ตแต่ไม่หายไป จนหลายคนเขาก็ทักครับ คือเรามีอะไรที่ต้องพิสูจน์เยอะ พวกเราอยู่มา 12-13 ปีก็ยังมีอะไรอีกมากที่อยากทำ มีคอนเสิร์ตและโปรเจ็คใหม่ เรื่องท้อไม่มีครับ เพราะพวกเราเข็นกันเองว่าเพลงนี้จบ คัตโตะก็บอกว่าต้องมีเพลงใหม่ มีอะไรใหม่ๆออกมา คือพวกเราถีบกันเอง

ทุกผลงานที่วงทำออกมาพวกเราทำเองและลงทุนเองครับ คือมันสนุกตรงนี้แหละครับ อย่างตอนที่ได้ อาเล็ก และ จอย รินลณี มาเล่นเอ็มวีอันนั้นผมก็ติดต่อเอง น้องเก้าผมก็โทรไปหาแฟนเขาเพื่อชวนน้องเขามาทำเอ็มวี รอเธอเสียใจ แม้แต่ช่างแต่งหน้าก็หาเอง คือเหนื่อยหน่อยแต่ก็ได้ดั่งใจครับ คือถ้าแต่งหน้ากันเองได้ก็คงทำเองแล้ว (หัวเราะ) 

 

สุดท้ายนี้ ศิลปินอิสระหลายๆคนก็มีค่ายเพลงของตัวเอง วงลิปตามีแพลนทำค่ายไหม

คัตโตะ : ไม่มีครับ (หัวเราะ) คือมันสนุกกับการทำเพลงเองไปเรื่อยๆ คือลิปตาเป็นธุรกิจที่ไม่ใช่งานหลัก มันเป็นความสนุกมากกว่า มันดีของมันเองเล็กๆแบบนี้ ก็ไม่คิดเป็นกำไรใหญ่โต แบบอย่างทำเอ็มวีก็เซ็นอนุมัติกันเองเลย คือจริงๆอยากทำเพลงให้คนอื่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ตัวเองยังไม่รอดเลยครับ (หัวเราะ)

แทน : การทำค่ายเอง ถ้าอยากทำเอ็มวีแพงหรือลงทุนอะไรใหญ่โตก็ต้องคุยหลายคน แต่ถ้าเป็นโปรเจ็คปั้นศิลปินรุ่นใหม่ก็น่าจะมี แต่น่าจะอีกสักพักเลยเพราะตอนนี้ก็มีหลายคนอยากให้ทำเพลงให้ครับ

 

 

การกลับมาครั้งนี้นั้น นอกจากทางวงลิปตาจะนำดนตรีที่หลายคนคิดถึงกลับมาแล้ว พวกเขาก็มาพร้อมสีสันใหม่ๆทางดนตรีและแขกรับเชิญที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นด้วย ซึ่งทาง Sanook! Music จะนำเรื่องราวอัลบั้มใหม่ของเขา มาอัพเดทแฟนๆให้ได้ชมกันแน่นอน 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ "ลิปตา" 12 ปีบนเส้นทางดนตรี กับการทำเพลงที่เหมือนวิ่งมาราธอน!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook