Taylor Swift ชนะคดีถูกจับก้น เรียกค่าเสียหายแค่ 1 ดอลลาร์ เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง | Sanook Music

Taylor Swift ชนะคดีถูกจับก้น เรียกค่าเสียหายแค่ 1 ดอลลาร์ เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง

Taylor Swift ชนะคดีถูกจับก้น เรียกค่าเสียหายแค่ 1 ดอลลาร์ เพื่อเป็นคดีตัวอย่าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังต่อสู้คดีกันมานานถึง 2 ปี ในที่สุดนักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ ก็โล่งอกที่ศาลและคณะลูกขุนของเมืองเดนเวอร์ ตัดสินให้เธอเป็นผู้ชนะหลังฟ้องร้อง ดีเจเดวิด มุลเลอร์ ว่าเขาลวนลามเธอด้วยการเอามือล้วงเข้าไปจับก้นขณะถ่ายรูปในงานมีตแอนด์กรี๊ด แม้เธอจะพยายามเบี่ยงตัวแล้วแต่เขาก็ยังเอามือค้างไว้อย่างนั้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน 

"มันคือการลวนลามอย่างแน่นอน เป็นการลวนลามที่ใช้เวลานานมาก คงต้องมีใครสักคนอยู่ใต้กระโปรงถึงจะเห็นเหตุการณ์ว่าเขาจับก้นฉันจริง ๆ” 

เทย์เลอร์ให้เหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่โวยวายหรือเอาเรื่องเขาในตอนนั้น เนื่องจากไม่อยากให้แฟนคลับจำนวนมากที่มารอถ่ายรูปกับเธอต้องเสียความรู้สึกในการพบปะกับศิลปินคนโปรด

การพิจารณาคดีนี้กินเวลาทั้งหมด 6 วัน ซึ่งนักร้องสาวพร้อมด้วยคุณแม่ และทนายความ ได้เดินทางมาให้การต่อศาล ซึ่งทางคู่กรณีได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และฟ้องกลับเป็นจำนวนเงินถึง 3 ล้านดอลลาร์ ระบุว่าเทย์เลอร์ทำให้เขาตกงาน แต่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าสมควรยกคำร้อง เนื่องจากดีเจเดวิดไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอว่าเทย์เลอร์มีส่วนทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงและตกงาน และที่สำคัญคือ เขาไม่สามารถเรียกค่าเสียหายถึง 3 ล้านดอลลาร์ได้ เนื่องจากสัญญาจ้างงานที่เหลืออยู่ 2 ปีนั้น มีแค่มูลค่าเพียงแค่ 3 แสนดอลลาร์ ซึ่งตามกฎหมายแล้วเขาไม่สามารถเรียกค่าเสียหายได้มากกว่ามูลค่าจริงในสัญญา 

ทั้งนี้ คณะลูกขุนเห็นพ้องต้องกันว่า ภาพมันฟ้องอย่างชัดเจนว่าการกระทำของดีเจเดวิด มุลเลอร์ นั้นเข้าข่ายอนาจาร โดยเทย์เลอร์เรียกร้องค่าเสียหายเชิงสัญลักษณ์เพียง 1 ดอลลาร์ (33 บาท) เท่านั้น เพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่างกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ต้องเผชิญกับประสบการณ์ที่ถูกกระทำอย่างอุกอาจ และน่าอับอายเช่นเดียวกับเธอ ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิในการที่จะปกป้องตัวเองจากการถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ

โดยหลังจากทราบว่าเป็นผู้ชนะคดี เทย์เลอร์ สวิฟต์ ได้ออกมาขอบคุณผู้พิพากษา คณะลูกขุน ทนายความ รวมถึงทุกคนที่ร่วมกันต่อสู้ และเป็นกำลังใจให้เธอมาโดยตลอดนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในปี 2013 ซึ่งเธอหวังว่าคดีของเธอจะช่วยให้สังคมได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ และจะบริจาคเงินช่วยเหลือองค์กรที่ต่อสู้เพื่อคนที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศต่อไป

 

 

Story : NoozUP
Photos : AFP

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook