"หงหยก AF" เมื่อความกล้า ทำให้ความฝันโกอินเตอร์เป็นจริง! | Sanook Music

"หงหยก AF" เมื่อความกล้า ทำให้ความฝันโกอินเตอร์เป็นจริง!

"หงหยก AF" เมื่อความกล้า ทำให้ความฝันโกอินเตอร์เป็นจริง!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่แจ้งเกิดจากเวที Academy fantasia ซีซั่น 10 เมื่อปี 2556 ศิลปินสาวร่างเล็กอย่าง หงหยก จันษกร ก็ได้กลายเป็นศิลปินที่มีผลงานเพลง งานแสดง และการเป็นพิธีกร ซึ่งล่าสุดเธอก็ได้ปล่อยผลงานเพลงภาษาจีน และเดินทางไปแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆชาวไต้หวันได้ชมกันด้วย และในวันนี้เธอก็ได้มาเยี่ยม Sanook! Music เพื่อเล่าถึงประสบการณ์ที่เปลี่ยนชีวิตเธอจากคนมีฝัน ให้กลายเป็นศิลปินเต็มตัวให้ผู้อ่านและทีมงานให้ฟังด้วย

 

 

ความชื่นชอบในการร้องเพลงของ หงหยก เริ่มต้นเมื่อไหร่

หงหยก :  ชอบตั้งแต่เด็กเลยค่ะ อย่างชื่อหงหยกนี่คุณแม่ตั้งให้เพราะเราเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กชอบฮึมฮัมเพลงหน้ากระจกที่บ้าน เพราะที่บ้านเป็นร้านทำผม แต่ตอนนั้นยังร้องไม่ได้ คุณแม่ก็เลยพาไปเรียนร้องเพลงค่ะ

 

ก่อนหน้าที่จะมาประกวดเอเอฟ หงหยกเป็นคนหนึ่งที่เคยไปออดิชั่นค่ายเพลงเคป๊อปด้วย ทำไมถึงสนใจอยากเป็นศิลปินเคป๊อป

หงหยก :  มันเป็นช่วงวัยรุ่นที่เราเห็นการแสดงของ ดงบังชินกิ แล้วรู้สึกว่าพวกเขาเจ๋งมาก เพราะพวกเขาร้องเพลงได้ดี และความสามารถหลากหลายมาก เราเลยชอบเพลงเกาหลี เพราะเขาทำผลงานออกมาดีมาก พอมีค่ายเกาหลีมาออดิชั่นเราก็ลองดู ตอนแรกมีค่ายนึงมาออดิชั่นคนสมัคร 3000 คน ตอนนั้นอายุ 16 เราก็ไปโดยไม่คิดอะไร แต่ทางค่ายก็ติดต่อกลับมา บอกว่าเราเข้ารอบ 14 คนสุดท้าย ตอนนั้นก็ตื่นเต้นมาก คือถึงแม้จะไม่ถูกเลิอกไป แต่มันก็ทำให้เรามีไฟแบบฉันก็ทำได้ ก็ไปหลายเวทีเลยอย่างของ BABY V.O.X ก็เป็น 10 คนสุดท้าย จนมาถึงเอเอฟ 10 นี่ก็เป็นการประกวดรอบที่สามแล้วค่ะ

 

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้หงหยก ไม่ยอมแพ้ในการออดิชั่นเป็นศิลปิน

หงหยก : หงหยกว่าทุกคนมันมีไฟในตัว อย่างในเพลง ความเชื่อ ของบอดี้สแลมท่อนหนึ่ง ที่เรามักจะท่องทุกวันว่า “ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม แต่มันยังดีที่อย่างน้อย ได้จดจำว่าครั้งหนึ่งเคยก้าวไป” มันทำให้เราคิดกับตัวเองว่าสิ่งที่เราทำมันสุดหรือยัง หรือว่าเราจะไปสุดที่ไหน ตอนนี้หงหยกเองอายุ 23 เดินมาได้ขนาดนี้ก็ภูมิใจแล้วค่ะ

 

 

ทำไมหงหยก ถึงตัดสินใจมาประกวดเวทีเอเอฟในตอนนั้น

หงหยก : มันเป็นเวทีประกวดที่มีคุณภาพ และเราจะได้เห็นผู้ประกวดเข้าไปเรียนรู้ ทุกอย่างทุกด้าน การแสดงการเต้น การร้องเพลง และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องกิน(หัวเราะ) คือเคยดูในเอเอฟ 3 แล้วรู้สึกว่าของกินในรายการเยอะมาก แบบเรียนเสร็จก็มีคนเอาของอร่อยๆมาให้ทาน พอเข้าไปก็เปรมมาก (หัวเราะ)

 

ความรู้สึกที่เราเข้าไปอยู่ในรายการ มันต่างจากที่เราเคยคิดไว้ไหม

หงหยก : ไม่เหมือนเลยค่ะ มันเครียดมาก ตอนแรกมันไม่คิดว่าเครียดแบบนั้น แต่พอเข้าไปด้วยเรื่องผลโหวตต่างๆ และอะไรหลายอย่าง มันติดต่อใครไม่ได้เลย เราไม่รู้ว่าคนข้างนอกคิดอย่างไรกับเรา ตอนนั้นก็มีช่วงเขวๆที่เราไปยินปากเหววีคที่สาม ก็มีความคิดลบว่าคนไม่ชอบเราเหรอ ออกไปจะมีใครปรบมือให้เราไหม มันไม่ดีเลย ตอนหลังในสัปดาห์ท้ายๆ เราก็มาคิดว่า เราต้องเปลี่ยนโฟกัสว่าเราทำได้เต็มที่หรือยัง อย่าไปถึงเรื่องความเห็นของคน ถ้าเราทำดีสุดแล้วของเราแล้วก็ไม่เป็นไรเลยถ้าคนอื่นจะไม่ชอบ

 

หลังจากที่ออกมาจากบ้านเอเอฟแล้ว ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากไหม

หงหยก :  ก็มีพอสมควรเลย อย่างแรกก็แฟนคลับที่รักเรา และคือรายการนี้เขาจะเห็นเรา 24 ชั่วโมง จะรู้ว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร อย่างขนม เคยมีช่วงนึงได้ช็อคโกเลตสี่กล่องกลับบ้าน ได้พิซซ่าสามถาดกลับบ้าน ตอนนั้นก็บอกแฟนๆ ว่าตัวเองคงกินไม่หมดแน่ๆ (หัวเราะ) ก็เหมือนได้เพื่อนมาในแบบที่เขาก็รู้จักเราแล้ว

 

 

ในตอนนี้ หงหยกก็มีผลงานเพลง With you เวอร์ชั่นภาษาจีน ทำไมถึงซิงเกิ้ลภาษาจีนออกมา

หงหยก : เพลง With you เวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นเพลงของพี่ กลม อรวี ที่อยู่ในค่าย I AM และหงหยกเองก็มีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์เรื่อง Yes Or No 2.5 ก็มีแฟนคลับต่างชาติในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ที่เขาร้องเพลงภาษาไทยของเราได้ ก็เลยอยากตอบแทนเขา เลยตัดสินใจทำเพลงจีนที่เขาเข้าใจและร้องตามได้ กระแสตอบรับก็ดีมาก เพลงนี้ความหมายก็จะเหมือนเวอร์ชั่นไทยเลย ที่พูดถึงว่า ฉันจะอยู่กับคุณ เคียงไปเสมอ เป็นเพลงให้กำลังใจ

 

การร้องเพลงภาษาจีน มันยากไหมถ้าเทียบกับเพลงไทย

หงหยก : มันจะยากตรงการออกเสียงค่ะ เพราะเรียนภาษาจีนและรู้ความหมายอยู่แล้ว แต่การออกเสียงเวลาใส่เมโลดี้ มันอาจจะเพี้ยนได้ ตอนอัดก็เลยให้ครูภาษาจีนเข้าไปคุมเลย แต่ตอนอัดก็ใช้เวลาไม่นานค่ะ

 

หงหยกได้มีโอกาสได้ไปพบแฟนๆ ชาวต่างชาติบ้างหริอยัง

หงหยก : ก่อนหน้านี้ก็แฟนมีตที่ไต้หวันค่ะ และก็มีร้องเพลงงานการกุศลของที่นั่น และก็มีมินิคอนเสิร์ต ปีที่แล้วก็ได้ไปสามครั้งเลย ก็จะมีแฟนๆส่งกำลังใจไป เพราะนอกจากในไต้หวันแล้ว หงหยกเองก็มีแฟนคลับอินโดนิเซีย และจีนที่มาชอบเราเพราะภาพยนตร์ Yes Or No ด้วย

 

คาแร็คเตอร์และนิสัยของแฟนคลับต่างประเทศ ต่างจากของไทยมากไหม

หงหยก : ต่างเยอะเลยค่ะ(หัวเราะ) อย่างคนไทยจะรู้นิสัยเรา พอเราขึ้นเวทีเราไม่มั่นใจเขาก็จะปรบมือและเรียกชื่อ “หงหยก! หงหยก!” แต่ของไต้หวันและจีนเขาจะนิ่งเเละตั้งใจดู ตอนแรกเราก็แปลกใจและคิดว่าเขาไม่ชอบ เพราะไม่มีฟีดแบ็กอะไรเลย แต่ตอนไปคอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ก็เข้าใจว่าเป็นวัฒนธรรมเขา ที่จะดูโชว์จริงจังมาก ไม่เอาอะไรขึ้นมาถ่าย เราก็เลยเข้าใจ หลังจากนั้นเลยเน้นทำโชว์ให้ดีที่สุดแทนค่ะ

 

กระแสตอบรับเพลงนี้เป็นอย่างไรบ้าง

หงหยก : ดีนะคะ เพราะแฟนๆเขาไม่ว่าเราจะทำเพลงจีน เขาก็ถามมาว่าเมื่อไหร่จะมีเพลงออกมา แต่พอเราเซอร์ไพรส์ปล่อยเพลงจีนออกมาเขาก็ให้การตอบรับที่ดี ก็ติดชาร์ต True music และชาร์ตแมนดารินของ iTUNE ด้วย

 

 

นอกจากงานแสดงแล้ว หงหยกก็มีงานแสดงและพิธีกร ด้วย การเป็นนักแสดงและพิธีกรยากไหม ถ้าเทียบกับการเป็นนักร้อง

หงหยก : มันก็ยากนะคะ คือตอนแรกเข้ามาเราอยากเป็นนักร้อง แต่พอได้ทำงานอื่นๆ เราก็ได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ คือเราไม่ได้เก่งที่สุด แต่พอเราได้ทำเรื่อยๆ เราก็จะได้พัฒนา การแสดงเราก็ดีใจที่ได้ทำงาน ก็หาโอกาสอื่นๆอยู่ งานพิธีกรก็ต้องฝึกนานหลายเดือน เพราะตอนแรก ร เรือ ล ลิง ไม่ชัดเลย เป็นคนพูดเร็วด้วย ต้องฝึกอ่านข่าวสั้นนานมาก และมันเป็นรายการสดก็ต้องมีไหวพริบ

 

นอกจากงานที่เราเคยทำแล้ว หงหยกมีงานในวงการด้านไหน ที่อยากทำอีกบ้าง

หงหยก : ตอนนี้ก็มีเขียนบทละครอยู่ เป็นโปรเจ็คของ True vision กับโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เป็นละครสั้นทีให้ทุกคนเข้าใจผู้ป่วยจิตเวช ว่าความผิดพลาดเล็กน้อยในชีวิต ก็อาจส่งผลกับพวกเขาได้ ก็เป็นซีรี่ย์ได้ออนแอร์ในช่อง True4you ปีที่แล้ว อีกอย่างที่อยากทำก็มีแต่งเพลงก็มีทำไว้บ้าง แต่ยังไม่ได้ปล่อยออกมา ก็ฝึกฝีมืออยู่

 

ในฐานะที่เราเริ่มต้นมาจากเวทีประกวดร้องเพลง คิดอย่างไรกับการประกวดในยุคนี้

หงหยก : สมัยนี้มีโอกาสเยอะมาก มีโอกาสให้น้องๆหลายอย่าง ก็ไม่อยากให้ดูถูกเวทีหรือมองข้ามมันไป เพราะโอกาสเยอะ ก็อยากให้ไขว่คว้า คือไม่ต้องประกวด แค่กล้าแสดงจัวโพสต๋ลงเฟสบุ๊ค อย่าไปอายกับความฝัน คือเราต้องทำมันและเราจะได้ภูมิใจกับมัน

 

จากที่เราเคยฝันอยากเป็นศิลปินเคป๊อป ตอนนี้เรารู้สึกอย่างไรที่ได้กลายเป็นศิลปินโกอินเตอร์

หงหยก : รู้สึกว่าเรามาไกลเกินฝันแล้วค่ะ คือไม่คิดว่าจะมาถึง ขนาดนี้ คิดแค่ว่าเราได้โอกาสมาก็จะทำให้ดีที่สุด

 

 

 

เรียกได้ว่านอกจากพรสวรรค์ในการเป็นศิลปินแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ หงหยก ประสบความสำเร็จนั้นก็คือทัศนคติที่ดีในการเป็นนักสู้และการสร้างความสุขให้แฟนเพลง และความพยายามของเธอก็ทำให้เธอได้ทำความฝันเป็นจริงในที่สุด ซึ่งในอนาคตทาง Sanook! Music จะนำเรื่องราวและผลงานใหม่ๆของหงหยก มาอัพเดทให้ทุกคนได้ชมแน่นอน 

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ "หงหยก AF" เมื่อความกล้า ทำให้ความฝันโกอินเตอร์เป็นจริง!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook