เรื่องราวเบื้องหลัง “พลังแสงอาทิตย์” | Sanook Music

เรื่องราวเบื้องหลัง “พลังแสงอาทิตย์”

เรื่องราวเบื้องหลัง “พลังแสงอาทิตย์”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

20 ตุลาคม 2559 คือวันแรกที่เราได้ทำความรู้จักกับเพลง “พลังแสงอาทิตย์” บทเพลงที่เริ่มต้นด้วยจังหวะกลองฮึกเหิมรุนแรง ตามมาด้วยเสียงร้องประสานที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง ก่อนจะอัดเน้นเนื้อหาแน่นๆ ด้วยการแร็พของกอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ตามมาด้วยเสียงร้องทรงพลังของ คิว วงฟลัวร์ นี่คือบทเพลงหนึ่งจากศิลปินที่ร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เปรียบพระองค์ท่านเป็นดังแสงพระอาทิตย์ที่ส่องแสงชี้ทางแห่งความดี ถือเป็นบทเพลงที่โดดเด่นทั้งทำนองและเนื้อหา เรียกทั้งน้ำตาเเละปลุกกำลังใจให้ผู้คนมากมาย สำหรับเบื้องหลังของการทำงานเพลงนี้ ทั้งจุดกำเนิด แรงขับเคลื่อน กบวนการทำงาน และวิธีคิด ทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างไรนั้น ขอเชิญรับคำตอบจาก “กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่”

“จริงๆ กับเพลงนี้ผมก็เริ่มมีเเรงบันดาลใจจะทำมาสักพักหนึ่งเเล้วครับ เรื่องของเรื่องคือ ก่อนหน้านี้มีองค์กรที่จะจัดทำซีรีย์ฉลองสิริราชสมบัติครบรอบปีหน้า แล้วมีพี่ท่านหนึ่งบอกผมว่า อยากให้ช่วยทำเพลงประกอบละครให้ ตั้งเเต่ต้นเดือนผมเลยเริ่มคิดเเล้วว่าจะทำหัวข้อใดเกี่ยวกับพระองค์ท่านดี คือเริ่มแรกเลย ผมได้ไปอ่าน “กลอนพระอาทิตย์” ของ ฟ.ฮีแลร์ (F. Hilaire หรือ François Touvenet เจษฎาจารย์ชาวฝรั่งเศสจากคณะภราดาเซนต์คาเบรียล ผู้แต่งหนังสือเรียนภาษาไทย "ดรุณศึกษา")

 

พระอาทิตย์ฤทธิ์ล้ำบํารุงโลก ประสิทธิ์โชคส่องพิภพจบวิถี

ไม่เลือกรัก มัก ชัง จนมั่งมี ไพร่ผู้ดี พึ่งพา เที่ยวหากิน

ใครทําไร่ไถนาหรือค้าขาย ก็ส่องฉายให้เห็นเป็นนิจสิน

ได้ชื่นชมสมหวังทั้งแผ่นดิน มิรู้สิ้นบารมี รวีวรรณ

 

แม้อาทิตย์คิดหน่ายไม่ฉายแสง โลกจะแข็งเย็นชืดมืดมหันต์

เลิกค้าขายไร่นา สารพัน จะพากันตายกลาดดาษดา

ถึงกระนั้นยังไม่พ้นคนแคะข้อน ว่าแดดร้อนใจละเหี่ยเพลียนักหนา

ถ้าแดดอ่อนก็ค่อนว่าน่าระอา จะตากผ้าก็ไม่แห้งแสงไม่มี

 

ถึงถูกด่าดวงอาทิตย์ไม่คิดตอบ ทําความชอบตามฤดูอยู่คงที่

ไม่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนวันเดือนปี โลกจึงมีความสุขทั่วทุกคน

อันตัวเราเขาติตําหนิโทษ จงกลั้นโกรธ อดใจได้กุศล

ใครจะชอบหรือชังอย่ากังวล บำเพ็ญตนเยี่ยงอาทิตย์เป็นนิตย์เอย

 

[ กลอนพระอาทิตย์ : ฟ.ฮีแลร์ ]

 

ผมว่ากลอนบทนี้ดีมากเลย และผมก็รู้สึกว่าพระองค์ท่านเองก็ทรงงานเหมือนพระอาทิตย์ ทรงงานตลอดไม่มีหยุด และให้ความอบอุ่น ความสว่าง ผมจึงคิดว่าจะเขียนเรื่องพระองค์กับพระอาทิตย์มานานเเล้ว แต่ก็เกิดเหตุการณ์มาก่อน ซึ่งก็คาดว่าละครก็คงไม่ได้ทำ และเราคงไม่ได้ทำเพลงนี้ต่อเเน่ๆ แต่ในคืนวันนั้น ผมก็มีความรู้สึกที่ว่า อยากจะทำอะไรสักอย่างถวายพระองค์ เมื่อเช้ามา ผมก็รู้สึกว่าแม้จะผ่านคืนวันที่ 13 ซึ่งผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน แต่เช้าวันที่ 14 กลับเป็นวันที่สดใสมาก เป็นวันที่แดดไม่ร้อนไป และไม่ใช่วันที่ฟ้าขมุกขมัวเกินไป มันเป็นวันที่แดดกำลังพอดีๆ

  ผมเลยรู้สึกว่า จริงๆ แล้ว ในความทุกข์ทั้งหมด ถ้าเป็นวันที่สดใส ก็คือเป็นวันที่สดใสอยู่ดี แม้กระทั่งเช้านี้ ก็ยังรู้สึกว่า เราเศร้าขนาดนี้ ทำไมฝนมันไม่ตกวะ ผมเลยคิดไปว่า พระองค์กำลังปลอบใจพวกเราอยู่หรือเปล่า? เลยกลับมาคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับพระอาทิตย์นี้ เราต้องทำถวายพระองค์ให้เสร็จ ในบ่ายวันที่ 14 ผมเลยเขียนกลอนเพื่อตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะนำความรู้ความสามารถของตัวเองมาเสียสละ เเละทำเพื่อส่วนรวมให้ได้มากที่สุด

 

จะขอพลี พลังที่ มีเหลืออยู่

นำความรู้ ที่ครูบา อุตส่าห์ให้

ใช้กายที่ พ่อแม่มอบ ลมหายใจ

เทลงไป ทำประโยชน์ ให้แผ่นดิน

70 ปี ที่ผืนดิน เย็นชุ่ม

เพราะพ่ออุ้ม รดเหงื่อปาน กระแสสินธุ์

จะก้าวย่าง ตามอย่าง พระภูมินทร์

เหงื่อที่ริน บัดนี้ไป จะให้ชาติ

จะยึดมั่น ในความเชื่อ เสียสละ

ปิดทองพระ หลังองค์ โลกนาถ

น้อมนำ พระบรม ราโชวาท

เป็นแสงสาด ส่องทาง วิถี

ลูกรู้ พ่อมอง ลูกอยู่

ลูกจะสู้ ให้พ่อเห็น ว่าลูกนี้

จะจดจำ ทำตามพ่อ ทั้งชีวี

เป็นคนดี ดังพ่อสอน ไม่คลอนแคลน

 

[บทกลอนที่ฟักกลิ้ง ฮีโร่เขียนในวันที่ 14 ซึ่งกลอนบทนี้ถูกบรรจุเป็นคำร้องในช่วงท้ายเพลงพลังแสงอาทิตย์]

 

ผมคิดว่าถ้าเรารักพระองค์ท่านจริงๆ เราต้องทำงาน เพราะพระองค์ท่านทรงงานมาโดยตลอด ถ้าเรารักพระองค์ท่าน เราต้องนำความรู้ความสามารถเรามาทำเพื่อส่วนรวม เราเข้าใจว่า ไม่ว่าใครถ้าสูญเสียพ่อแม่ก็คงจะเป๋ และ ณ ชั่วโมงนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการประคับประคองกัน เพราะคนที่อยู่ก็ยังต้องเดินต่อ พระองค์เองก็คงมองเราอยู่ข้างบน แต่เราจะทำยังไงให้พระองค์ภูมิใจ ก็คือ ทำงาน ลุกขึ้นมาทำสิ่งที่พระองค์ทำ

เรื่องการฟอร์มทีม จริงๆ เเล้ว เริ่มมาจาก แม็ก (ธิติวัฒน์ รองทอง) ตาล (กฤษฎา อนันต์ก้านตง) และผม ปกติเราก็เป็นทีมทำงานด้วยกันอยู่เเล้ว พอผมรู้สึกว่าเราต้องทำเพลงนี้กันต่อให้เร็วที่สุด ก็บอกแม็กกับตาล

 

สำหรับ คิว (สุวีระ บุญรอด นักร้องนำ วงฟลัวร์) จริงๆ ผมก็คุยกับคิวมาสักพักเเล้ว ว่าอยากให้มาร้องเพลงนี้ ก็เลยถามไป ซึ่งพอเราทำเดโมเสร็จ เราก็ส่งให้คิวฟัง คิวก็ตอบกลับมาด้วยความรู้สึกยินดี ว่าเค้าฟังเพลงเเล้วรู้สึกชอบ เค้าก็อยากให้กำลังใจ คิวก็เลยตกลงที่จะทำครับ นอกจากนี้ ผมก็ชวนพี่ เอิร์ธ (อัศม์เดช ลิมตระการ มือกลอง วงฟลัวร์) มาช่วยตีกลองด้วย 

ในภายหลัง จากที่ผมโพสต์เนื้อเพลงลงไปในเฟสบุ๊ค ก็มีคนที่อ่านเนื้อเพลงรู้สึกประทับใจเเล้วอยากช่วย พวกเค้าก็คือ ผู้ที่มีจิตอาสาสมัครใจช่วยทั้งหมดเลย ก็เริ่มจาก พี่ลูกหว้า (พิจิกา จิตตะปุตตะ) เค้าก็เสนอว่า ถ้าอยากได้ทีมคอรัสก็บอก ผมเลยเเจ้งไปว่าผมอยากได้ครับ พี่ลูกหว้าเลยเลยชวนพี่ ก้อย KPN มา คิวเค้าก็ชวนคุณเน็ต (กานดา วิทยานุภาพยืนยง) แม็กเค้าก็ชวนน้องพอย PPOIID (พิมพา อุ่มละออ) และคุณ พีท Over me (ปิติพงษ์ ผาสุกยืด)

แล้วก็ได้คุณ แนน (สาธิดา พรหมพิริยะ) มาร่วมกันร้องประสานเสียง และ พี่ อาร์ต 7thSCENE (กฤช วิรยศิริ) มาช่วย Mixing กับ Mastering ให้ซึ่งทุกๆ คนก็มาช่วยกันหมดนะครับ เพราะห้องอัดเค้ารู้ว่าเรามาอัดงานนี้ เค้าก็ช่วยเรา ทีม Heavy 69 และทีมวิจัยฝุ่นของพี่ โต้ง Buddha Bless เค้าอ่านเนื้อเพลงแล้วเค้าก็ขอทำ MV ซึ่งทุกคนก็มีความตั้งใจที่จะทำงานถวายกัน ก็ต้องขอขอบคุณทุกๆคนด้วยครับ

การทำงานแบบนี้ มันไม่เหมือนการทำงานอย่างที่ผ่านมา มันเป็นงานที่ทุกคนเต็มใจเดินเข้ามาทำ มันทำให้เรารู้สึกปลื้มปิติส่วนนี้ ความเต็มใจของทุกคนที่พร้อมจะช่วยกัน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก นอกจากความตั้งใจที่จะให้กำลังใจคนที่ได้ฟังเพลงนี้แล้ว การทำงานนี้ก็เป็นการเติมกำลังใจให้กับตัวเราเองด้วย ผมว่า จริงๆ แล้วทุกคนก็พร้อมจะเสียสละและช่วยเหลือเมื่อมีโอกาส อย่างสิ่งที่เกิดขึ้นที่สนามหลวงเรารู้สึกดี ก็ได้เห็นคนที่พยายามเอาความสามารถที่ตัวเองมีไปช่วยเหลือกันครับ”

คลิกฟังเพลง พลังแสงอาทิตย์ - ฟักกลิ้งฮีโร่ Feat คิว วง FLURE

“มีคนถามผมว่าคิดยังไงเรื่องเอาเพลงฮิปฮอปไปเขียนถึงในหลวง ไม่รู้สึกว่านี่คือสิ่งไม่สมควรเหรอ

ผมตอบว่า ผมมองเพลงฮิปฮอปว่าสิ่งนี้คืองาน งานที่ทำโดยสุจริตและภาคภูมิใจ เป็นงานที่ผมถนัดทำที่สุดในชีวิต เป็นงานที่ผมรู้สึกมีเกียรติที่ได้ทำ

งานก็คืองาน ไม่มีสูงหรือต่ำ เป็นคนเก็บขยะหรือนายกฯ เป็นชาวนาหรือนักธุรกิจ เป็นกวีหรือเป็นแรปเปอร์ข้างถนน ถ้าเป็นงานที่ทำประโยชน์และไม่เบียดเบียนใครล้วนดีทั้งสิ้น

เมื่อผมเห็นพระองค์ทรงงานหนัก ผมรู้สึกว่าพ่อหลวงสอนผมว่า ถ้ารักพ่อให้ทำงาน

และนี่คืองานที่ผมจะขอทำหน้าที่นี้แก่ตนเองและส่วนรวมให้ดีที่สุด”

 

นี่คือสิ่งที่กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ฝากไว้กับเรา

Story : ภิญญุดา ตันเจริญ

ขอขอบคุณภาพจาก FB/ กอล์ฟ ฟักกลิ้ง ฮีโร่ และ MV พลังแสงอาทิตย์

 

 

 

 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook