ทำความรู้จักดนตรี EDM จังหวะความมันส์ของคนรุ่นใหม่ | Sanook Music

ทำความรู้จักดนตรี EDM จังหวะความมันส์ของคนรุ่นใหม่

ทำความรู้จักดนตรี EDM จังหวะความมันส์ของคนรุ่นใหม่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คอนเสิร์ต EDM เริ่มเข้ามาอย่างแพร่หลายในประเทศไทยทั้ง Maya music festival , Ultra Music Thailandหรือไม่ว่าจะไปงานปาร์ตี้ที่ไหนเรามักจะได้ยินเพลงที่มีจังหวะสนุก บีทมันส์ๆ เปิดให้ได้โยกตามกันเสมอ แต่หลายคนที่ฟังแนวนี้อาจจะไม่รู้ว่าเพลง EDM นั้นจริงๆมีการแยกย่อยแนวเพลงมากกว่าที่หลายคนคิด วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ EDM กันในแบบที่เข้าใจง่ายๆและเป็นแนวดนตรีที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมเปิดฟังกัน

Trance (ทรานซ์)

ทรานซ์ เป็นแนวเพลงหนึ่งที่แยกย่อยมากจากแนวดนตรี EDM ลักษณะของทรานซ์จะเป็นดนตรีบรรเลงที่มักมี ซินธิไซเซอร์ (Synthesizer) เป็นองค์ประกอบ บางเพลงจะใส่เสียงร้องเฉพาะในท่อนฮุค เพลงไม่ค่อยขาดตอน มีช่วงที่พีคเร่งจังหวะเพื่อปลุกเร้าคนฟังและบางช่วงก็จะดรอปเสียงดนตรีให้เบาลงอย่างเช่นเพลง Headlights ของ Robin Schulz

คลิกฟังเพลง Headlights ของ Robin Schulz

Dubstep (ดั๊บสเตป)

ดั๊บสเตป จะให้อารมณ์ในการฟังที่ค่อนข้างหม่น มีจังหวะอันบางตา มีการเน้นเสียงเบส ทำให้เพลงมีเสียงทุ้ม ไม่ค่อยมีคำร้องและอาจจะทำให้รู้สึกแสบแก้วหูกันไปบ้างในบางครั้ง ตัวอย่างเช่นเพลง Boss Mode ของ Knife Party

คลิกฟังเพลง Boss Mode ของ Knife Party

Trap (แทร็ป)

แทร็ป เพลงแนวนี้จะมีดนตรี และมีบีทค่อนข้างหนักหน่วง รุนแรง และมีการใส่เสียงสังเคราะห์แบบรัวๆในบางช่วง รากฐานของแทร็ปมาจากแนวเพลง Hip-Hop ทางฝั่งใต้ของอเมริกา หรือที่เรียกว่า Southern Hip-Hop ซึ่งนำมาประยุกต์ให้เข้ากับแนวดนตรีแบบ Electronic Dance เช่นเพลง Light it up ของ Major Lazer

คลิกฟังเพลง Light it up ของ Major Lazer

House (เฮ้าส์)

เฮ้าส์ เป็นดนตรีที่มีจังหวะค่อนข้างฟังง่าย จึงค่อนข้างได้รับความนิยมในประเทศไทย และจากทั่วโลก ยกตัวอย่างเพลงดังที่มีจังหวะติดหูอย่าง Animals ของ Martin Garrix ดนตรี House ยังแบ่งแยกย่อยลงไปอีกหลายประเภท แต่ขอยกตัวอย่างแนวดนตรีเฮ้าส์ที่คนไทยนิยมฟังกันอย่าง Deep House, Progressive House และ Tropical House

 คลิกฟังเพลง Animals ของ Martin Garrix

Progressive House (โปรเกรสซีฟ เฮ้าส์)

โปรเกรสซีฟ เฮ้าส์ เป็นดนตรีที่มีความเก่าแก่อีกประเภทหนึ่ง คำว่า Progressive นั้นเกิดขึ้นกับการใช้แบ่งประเภทของดนตรี Rock ซึ่งก็คือ Progressive rock ต่อมาเมื่อมีดนตรี House คำว่า Progressive จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้เกิดความแตกต่างในแนวดนตรี มีการใส่เสียงดนตรีสังเคราะห์เข้าไป และลูกเล่นต่างๆลงไปในเพลงบ้างเพื่อให้เกิดความสนุกสนานอย่างเพลงที่มีจังหวะสนุก No Money ของ Galantis

คลิกฟังเพลง No Money ของ Galantis

Tropical House (ทรอปิคอล เฮ้าส์)

ทรอปิคอล เฮ้าส์ เป็นแนวดนตรีที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ฟังสบาย เนื่องด้วยการใช้เสียงเครื่องดนตรีสังเคราะห์ เช่น ฟลุต(flute)หรือฮอร์น(Horn) มาเป็นองค์ประกอบเพื่อให้ดนตรีฟังแล้วดูซอฟต์ลง และใช้เสียงสังเคราะห์มามิกซ์เพื่อให้เสียงกังวานขึ้น โยกตัวตามได้ในจังหวะหนึบๆสบายๆแบบเพลง Firestone ของ Kygo

คลิกฟังเพลง Firestone ของ Kygo

Deep House (ดีปเฮ้าส์)

ดีปเฮ้าส์ มีบีทค่อนข้างช้าแต่ฟังง่าย เน้นเสียงเบสและซาวด์ที่ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม การร้องจะใช้เสียงสูง ลักษณะโดดเด่นของดนตรีสไตล์นี้คือการใช้เสียงจากธรรมชาติเข้ามาเป็นองค์ประกอบของดนตรี เช่น เสียงนกร้อง หรือเสียงของหยดน้ำ เช่นเพลง Don't Let Me Down ของ The Chainsmokers 

คลิกฟังเพลง Don't Let Me Down ของ The Chainsmokers 

ถึงแม้ว่าดนตรี EDM จะเป็นดนตรีแนวแดนซ์ที่เหมาะกับการฟังคลายเครียด แต่เพลงแนวนี้ก็มีเบื้องหลังที่น่าสนใจมาก ซึ่งในอนาคต ทาง Joox และ Sanook! Music จะนำเรื่องราวของดนตรีแนว EDM มาให้ทุกคนได้ชมอีกแน่นอน 

Story : Double J

ขอบคุณภาพจาก Facebook Martin Garrix Alan walker

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook