สนทนาชีวิตคนดนตรีกับ "บร๊ะเจ้าโจ๊ก" | Sanook Music

สนทนาชีวิตคนดนตรีกับ "บร๊ะเจ้าโจ๊ก"

สนทนาชีวิตคนดนตรีกับ "บร๊ะเจ้าโจ๊ก"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“เฮ้ยโคตรเสี่ยวเลย ฟังมันด้วยเหรอ”

 “รู้จักค่ะ วงฮาๆ ที่ MV ขี่ควาย น้ำตาไหลจ๊อกๆ ใช่มั้ยคะ"

 นี่คือประโยคที่เรามักจะได้ยินเมื่อเอ่ยถึงชื่อวง "So Cool”

 จากการสอบถามสมัครพรรคพวก หลายคนรู้จักพวกเขาครั้งแรกก็เพราะสะดุดกับชื่อที่แสนจะใสซื่อ พาลทำให้คิดไปได้ว่าวงอะไร (วะ) ตั้งชื่อโคตรบ้านเลย แถมอวยตัวเองชะมัดว่าตัวเองเท่ ตัวเอง Soooo cool บางคนก็รู้จักพวกเขาจากเพลงอย่าง "คนเจียมตัว" “เลี้ยงส่ง" “ซากอ้อย"  แต่ไม่ว่าพวกเราจะรู้จักพวกเขาแบบไหน ก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่า So Cool คือวงดนตรีมีชื่อ มีฐานแฟนเพลง (โซคูลเลี่ยน) ที่มีคนจองคิวให้ไปเล่นคอนเสิร์ตชุกมากวงหนึ่ง และเหตุผลสุดท้ายที่ทุกคนไม่น่าจะปฎิเสธก็คือ พวกเรารู้จักนักร้องนำของวงนี้ โจ๊ก - กรภพ จันทร์เจริญ หรือที่ทุกคนเรียกเขา ชาบูเขาว่า “บร๊ะเจ้าโจ๊ก

เที่ยงวันแล้ว พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเพราะนั่งรอ “บร๊ะเจ้า” อยู่ เพราะศิลปินหนุ่มออกตัวว่าขอนัดกันช่วงเที่ยงนี่แหละ เพราะช่วงบ่ายจะต้องไปรับ “บร๊ะธิดา” กับ “บร๊ะมเหสี” (แปลศัพท์เป็นไทยได้ความว่า “พระธิดา” และ “พระมเหสี”) ดังนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะได้สนทนาอัปเดตชีวิตกับบร๊ะผู้เป็นเจ้าผู้มีคิวแน่นแบบเค้า!

 

“ผมว่ามันประหลาดมาก เปิดสื่อไหนก็เจอหน้าผมเต็มไปหมด ทั้งที่ผมเป็นคนเรื่องมากในการรับงานแบบมากถึงมากที่สุดในบรรดานักแสดง แต่ก็อาจจะเป็นเพราะผมถือว่าพื้นฐานเราเป็นนักร้อง เราก็จะไม่กอบโกยงานแสดง ดังนั้น โจ๊ก So Cool จะเล่นแต่เรื่องที่อยากเล่นจริงๆ มันไม่เหมือนหลายคนที่บอกให้เล่นเยอะๆ คนจะได้จำได้ แต่ผมจะเล่นน้อยๆ กลัวคนเบื่อ และถ้างานเยอะไปก็จะไม่มีเวลากับครอบครัวด้วย คือครอบครัวผมไม่ใช่ครอบครัวแบบที่ “เอาเงินมาแล้วจบ” น่ะครับ เขาเอาทุกอย่างน่ะ ทั้งเงินและ service ด้วย” โจ๊กกล่าวกลั้วหัวเราะ เมื่อถามไถ่ถึงครอบครัว

 

จะว่าไปก็แปลก ก่อนที่เราจะสัมภาษณ์โจ๊ก ทีมงาน Sanook! Music ได้ลองโพสต์ตั้งคำถามบน Facebook Sanook! News ว่า ถ้าคุณมีโอกาสจะตั้งคำถามอะไรก็ได้กับ “บร๊ะเจ้า” คุณจะถามว่าอะไรเพื่อทำให้คำถามในบทสัมภาษณ์เราครอบคลุมทุกเรื่องที่ทุกคนอยากรู้ คำถามแรกจากทางบ้านคือคำถามเรื่องครอบครัว ว่าร็อกเกอร์คนนี้แบ่งเวลาให้กับครอบครัวอย่างไร? ซึ่งโจ๊กตอบว่า

 

"สารภาพนะครับว่าแต่งงาน 2-3 ปีแรกทะเลาะกันบ้านร้าว ไม่มีความเข้าใจกันเลย โดยตัวผมเป็นฝ่ายเปลี่ยนด้วยการจำกัดงานครับ ถ้าย้อนอดีตไปสมัยก่อนค่ายหรือองค์กรผมให้ทำอะไรผมทำหมด แล้วผมก็จะเบรคเมียตัวเองว่า “อย่ายุ่ง” นี่ไม่ใช่แค่เมียนะครับที่มีปัญหา ขนาดลูกผมก็เหมือนกัน ผมเคยทำงานเยอะๆ แล้วกลับมาบ้านรู้สึกเลยว่าลูกต่อต้านพ่อ เขาไม่คุยด้วย หรือ พอเห็นเราแต่งตัวหล่อจะออกไปข้างนอก เขาก็จะร้องไห้

 

จนสุดท้ายก็มีผู้ใหญ่มาเตือนว่าต้องดูแลครอบครัวบ้าง ผมก็ยังเถียงไปว่า วง So Cool ของผมอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ทางค่ายก็ให้โอกาสผมสร้างผมมา แล้วทำไมผมจะต้องทำตามผู้หญิงคนนี้ด้วย ผู้ใหญ่ท่านนี้ก็สวนว่า “อ้าวแล้วที่เค้าท้องนี่มึงไม่ได้ทำเค้าใช่ไหม? แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งจะกี่ปีข้างหน้า วงกับงานมันไม่มีเข้ามาให้ทำแล้ว ตอนนั้นจะกลับมาหาลูกมันไม่ทันนะ"คำพูดนี้แหละครับก็ทำให้ผมเปลี่ยนตัวเอง เริ่มปรับสคริปต์ชีวิตตัวเองให้ทุกคนมีความสุข คือไลฟ์สไตล์ผมมันไม่คล้ายกับร็อกสตาร์ ถามว่าระหว่างลูก เมีย เพื่อน เอาไงดี ขอเป็นผู้ชายคนนึงที่ดูแลครอบครัวแล้วกัน"

 

คนรอบตัวเขาเข้าใจไหม?

 

"เข้าใจครับ กลายเป็นว่าหลายคนเห็นใจผม เพราะว่าผมมีลูกเมีย ผมจำเป็นต้องเริ่มจำกัดงาน มีตารางเวลาแบบใหม่ มีข้อจำกัดว่าในฉากต้องไม่มีฉากเลิฟซีน คือแฟนผมไม่ยอมเลย แล้วผมเองก็นึกนะ ถ้าแฟนเราเป็นนักแสดงเหมือนกัน เราก็คงไม่ชอบถ้าแฟนต้องไปจูบใคร ขนาดผมเริ่มจากบทเป็นแค่ตัวตลก แต่หลังๆ เริ่มยุ่งเพราะมีบทพระรองเข้ามา อย่างบท “หมอแมะ" ใน “น้ำตากามเทพ" อันนี้ผู้กำกับก็น่ารักมากที่ช่วยแก้บท เพราะตอนแรกต้องเป็นคนที่ถึงเนื้อถึงตัวกับผู้หญิงเยอะมากๆ  แต่ตอนหลังก็แก้บทให้เป็นคนที่แตะตัวผู้หญิงแล้วไฟช็อตแทนให้โดนผู้หญิงไม่ได้ ทั้งหมดนี้สรุปเลยว่าผมโชคดีว่าคนรอบข้างผมเข้าใจ"

ผลงานล่าสุดกับซีรี่ย์ Ugly duckling ตอน Don’t  บร๊ะเจ้าเผยว่ารับบท “พ่อ" เพราะไม่เคยได้รับมาก่อน
 

 

หลังจากที่คุยเรื่องงานซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานหนังงานละคร เราก็แปรประเด็นมาที่งานเพลงของเขาบ้าง เพราะจะว่าไปมันก็คือตัวตนที่ชัดเจนที่สุดของเขา ซึ่งโจ๊กเองก็ไม่ปฎิเสธว่าในช่วงเศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะฝ่ามรสุมนี้ได้ถ้าไม่ใช่วงที่ยืนระยะมานาน (แบบฮาๆ) อย่างเขา

 

“ตอนนี้เป็นการรับงานคอนเสิร์ต โดยรวมวง So Cool อยู่ในสถานการณ์ที่ดีเมื่อเปรียบกับวงหลายๆ วง แต่ถ้าเทียบกับวงระดับท็อปเราสู้เขาไม่ได้เลย แต่รวมๆ แล้วทั้งประเทศน่ะ เราดีมาก เศรษฐกิจแบบนี้ระดับซูเปอร์สตาร์งานก็ลดลง อย่าง So Cool เรามีติดต่อมา 4-5 งานตลอด แต่พอจัดคิวกันจริงๆ เราก็จะเล่นได้แค่ 2-3 งาน” โจ๊กเล่าถึงสถานภาพของวง พร้อมกับเล่าความสนุกในการทำงานกับวง เราเลยเริ่มที่จะถามถึงรสนิยมทางดนตรีของเจ้าตัวในระดับที่ลึกลงไปอีก

 

สมมุติบ้างนะ ถ้าคุณไม่ใช่สมาชิก So Cool คุณจะสนใจดนตรีแบบไหน จะเป็น Pop Rock แบบ So Cool ไหม?

“แนวที่ผมชอบคือจริงๆ มันมั่วแนวมากๆ มันจะออกแนว Country rock คือมันไม่ค่อยมีในเมืองไทย c9jมันคงจะไม่ Country หนักมาก มันจะมีกลิ่นอายแบบของ CCR ในยุค 70s คือผมโตขึ้นมากับดนตรีเหล่านี้ พอฟังเพลงก็พบว่าเดี๋ยวนี้ในเครื่องของผมมีแต่เพลงเก่าๆ ทั้งนั้น เพราะตอนนี้ผมฟังเพลงใหม่ๆ แล้วไม่รู้สึกว่ามันเพราะเลย แม้แต่เด็กวัยรุ่นตอนนี้ก็พูดแบบนี้ ผมคิดถึงเพลงแบบของ James Taylor  ฟังแล้วผมมีความสุขมาก แล้วเพลงแบบนี้คนก็ฟังเยอะ ไปที่ไหนก็เป็นที่ยอมรับ มันเป็นเหมือนแก่นแท้ของงานศิลปะดนตรีเลย ส่วนตัวผมชอบแก่นของดนตรี แบบที่ไม่เน้นเทคโนโลยีการปรับแต่งซาวด์แบบนักดนตรีสมัยนี้ ผมอยากเล่นแบบกีต้าร์โปร่งธรรมชาติมากกว่า"

 

คุณประสบความสำเร็จพอสมควรกับงานเพลง มีแฟนเพลงติดตามกันเยอะ เคยออกหนังสือมาแล้ว เล่นหนังก็แล้ว ทำมาแล้วมากมาย ตอนนี้คุณคิดว่าอยู่จุดไหนของชีวิต ขาขึ้นหรือขาลง

“ไม่เชิงว่าขาขึ้น หรือขาลง ตอนนี้ผมคิดว่าจุดที่ผมอยู่มันเหมือนนักมวย คือยังซ้อมอยู่ ยังชกอยู่ และยังไม่ลงจากสังเวียน แม้แต่ศิลปินที่เป็นระดับตำนาน แบบพูดชื่อมาทุกคนรู้จัก และร้องเพลงของเขาได้หมด ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะอยู่บนจุดสูงสุดของกระแสความสนใจตลอดเวลา มันมีทั้งขึ้นและลงเข้าใจไหมฮะ ผมขอให้ดูเหมือนผมเป็นนักมวยที่ยังเล่นอยู่ดีกว่า"

 

 

 ฟังเรื่องราวของ "บร๊ะเจ้าโจ๊ก" มาเยอะแล้ว มาฟังเพลงที่ "บร๊ะเจ้าโจ๊ก" แต่งจีบสาวกันบ้างครับ ไม่เคยมีอยู่ในอัลบั้มไหนมาก่อน มีที่ Sanook! Music ที่เดียวเลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook